การจัดการความปลอดภัยของข้อมูล

ข้อมูลสารสนเทศ เป็นสินทรัพย์สำคัญทางธุรกิจ ที่ต้องดูแลบำรุงรักษา และป้องกันอย่างดี ปัจจุบันบริษัทฯ ได้กำหนดความปลอดภัยระบบข้อมูลสารสนเทศ โดยการนำเทคโนโลยีความปลอดภัยที่สำคัญมาใช้ในองค์กร เพื่อช่วยในการทำงาน และลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ในระดับที่เหมาะสม และเกิดประสิทธิภาพต่อการทำงานสูงสุด
                บริษัทได้ตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลสารสนเทศ โดยให้มีการบริหารจัดการให้ระบบข้อมูลมีลักษณะคงความเป็น C I A  คือ
1. การรักษาความลับ (Confidentiality) ให้บุคคลผู้มีสิทธิเท่านั้น เข้าถึงเรียกดูข้อมูลได้ ต้องมีการควบคุมการเข้าถึง ข้อมูลเป็นความลับต้องไม่เปิดเผยกับผู้ไม่มีสิทธิ
2. ความถูกต้องแท้จริง (Integrity) มีเกราะป้องกันความถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูล และวิธีการประมวลผล ต้องมีการควบคุมความผิดพลาด ไม่ให้ผู้ไม่มีสิทธิมาเปลี่ยนแปลงแก้ไข
3. ความสามารถพร้อมใช้เสมอ (Availability) ให้บุคคลผู้มีสิทธิเท่านั้นเข้าถึงข้อมูลได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ต้องมีการควบคุมไม่ให้ระบบล้มเหลว มีสมรรถภาพทำงานต่อเนื่อง ไม่ให้ผู้ไม่มีสิทธิมาทำให้ระบบหยุดการทำงาน

 

ความปลอดภัยของข้อมูลสารสนเทศ (Information Security)

บริษัทฯ มีนโยบายให้ความปลอดภัยและการรักษาความลับของข้อมูล โดยบริษัทฯ ใช้ระบบรักษาความปลอดภัยที่มีมาตรฐานสูงทั้งในด้านเทคโนโลยีและกระบวนการเพื่อป้องกันการโจรกรรมข้อมูลที่เป็นความลับ บริษัทฯ ได้กำหนดให้มีระบบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเว็บไซต์และข้อมูลของบริษัทฯ มีการรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน รวมถึงการเลือกใช้ Firewall System, Anti-Virus System ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง รวมทั้งได้ใช้เทคโนโลยี เข้ารหัสข้อมูลที่ระดับ 128 บิท (128 Bit Encryption) ซึ่งเป็นการเข้ารหัสข้อมูลระดับสูงสำหรับการทำธุรกรรมผ่านบริการทางอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังกำหนดให้ลูกค้าต้องลงทะเบียนก่อนจึงจะสามารถใช้บริการได้
บริษัทฯ ได้มีการเลือกใช้เทคโนโลยีระบบคอมพิวเตอร์ที่มีระบบการรักษาความปลอดภัยในขั้นพื้นฐานที่เป็นมาตรฐานสากลอยู่แล้ว และเสริมด้วยการทำงานด้านอุปกรณ์ความปลอดภัยเฉพาะอีกชั้น และโดยหลักการทั่วไปในการควบคุมและรักษาความปลอดภัยให้กับระบบข้อมูลข่าวสาร ได้แก่การควบคุมส่วนต่าง ๆ ของระบบอย่างรัดกุม วิธีการที่ใช้ในการควบคุมมีดังนี้
1.  การควบคุมรักษาความปลอดภัยโดยตัวซอฟต์แวร์ (Software Control) 
โดยมีระดับวิธีการ 3 วิธีคือ
-  การควบคุมจากระบบภายในของซอฟต์แวร์ (Internal Program Control) คือการที่       โปรแกรมนั้นได้มีการควบคุมสิทธิการเข้าถึง และสิทธิในการใช้ข้อมูลภายในระบบ ซึ่งถูกจัดเก็บไว้ในระบบฐานข้อมูลภายในระบบเอง 
-  การควบคุมความปลอดภัยโดยระบบปฏิบัติการ (Operating System Control) คือการควบคุมสิทธิการเข้าถึงและการใช้ข้อมูลในส่วนต่าง ๆ ภายในระบบคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้คนหนึ่ง และจำแนกแตกต่างจากผู้ใช้คนอื่น ๆ
-  การควบคุมและการออกแบบโปรแกรม (Development Control) คือการควบคุมตั้งแต่การออกแบบ การทดสอบก่อนการใช้งานจริง
2. การควบคุมความปลอดภัยของระบบโดยฮาร์ดแวร์ (Hardware Control) 
โดยเลือกใช้เทคโนโลยีทางด้านฮาร์ดแวร์ ที่สามารถควบคุมการเข้าถึง และป้องกันการทำงานผิดพลาด ด้วยอุปกรณ์ภายในตัวเอง
3. การใช้นโยบายในการควบคุม (Policies) 
โดยมีการประกาศใช้นโยบาย และการปรับปรุงนโยบายให้มีการทำงานสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจ และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง โดยมีผลบังคับใช้ทั้งองค์กร
4. การป้องกันทางกายภาพ (Physical Control)  
การมีมาตรการการเข้าถึงศูนย์คอมพิวเตอร์ และเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สำคัญได้เฉพาะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น รวมทั้งมีระบบสำรองข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ

มาตรการและอุปกรณ์ที่ใช้ในนโยบายระบบความปลอดภัย
การจัดการด้านความปลอดภัยของระบบเครือข่าย Counter Service จะประกอบด้วยองค์ประกอบ 3 ส่วนดังนี้
1. โครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัย
  1.  การติดตั้งระบบ Firewall บริษัทฯ ได้ติดตั้ง Firewall ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำการป้องกันผู้บุกรุกเข้า-ออกระบบ และกำหนดโซนการให้บริการ การเข้าถึงข้อมูล ที่เหมาะสมกำหนดขอบเขต และโซนการทำงานที่เหมาะสมกำหนดบริการ และการเข้าถึงระบบสำหรับผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
  2. การติดตั้งระบบ Anti-Virus เพื่อทำการป้องกัน และกำจัดไวรัสที่มีการอัพเดตข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ
  3. การติดตั้งระบบ SSL บริษัทฯ เลือกใช้ SSL เวอร์ชั่นล่าสุด ซึ่งบริษัท และธนาคารชั้นนำส่วนใหญ่เลือกใช้ เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง  หน้าที่ของ SSL คือ สลับที่ข้อมูลและแปลงเป็นรหัสตัวเลขทั้งหมด ยิ่งความละเอียดในการเข้ารหัสมีมากเท่าไร ความปลอดภัยก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น ระดับความละเอียดของการเข้ารหัสมีหน่วยเป็น บิท  โดยเว็บไซท์บริษัทฯ ได้ใช้การเข้ารหัสระดับ 128 บิท ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่บริษัท และธนาคารชั้นนำของโลกใช้อยู่
  4. การติดตั้งระบบปฏิบัติการที่มีระดับความปลอดภัยที่ระดับ C2 โดยการติดตั้ง และเปิดใช้เฉพาะบริการที่เหมาะสม และจำเป็นเท่านั้น
  5. การติดตั้งระบบ Web Server และการกำหนดค่าพารามิเตอร์ที่เหมาะสม
     
2. การตั้งค่าและใช้งานอย่างเหมาะสม (Hardening)
  1. Hardening
  2. Patch Management
  3. Authentication
  4. Backup
3. การตรวจสอบ (Audit)    การตรวจสอบการใช้งานทั่วไป