วันเสาร์, มกราคม 29
10 วิธี "ตื่น" ได้ทุกวัน
หากความหมายของการ "ตื่น" คือ การมีสติ การรู้ตัว และไม่เผลอหลงไปกับพฤติกรรมหรือความคิดที่เราเคยชิน การเจริญสติในชีวิตประจำวันย่อมเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับผู้ปฏิบัติ แต่การ ‘ตื่น' ในชีวิตประจำวันนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนัก ... แต่ก็ไม่ได้ยากลำบากจนเกินไปเช่นกัน
จากการพูดคุยกับพี่น้องผู้ปฏิบัติหลายท่าน เราได้รับฟังประสบการณ์ที่แต่ละคนแลกเปลี่ยนว่า มีวิธีการปฏิบัติส่วนตัวในชีวิตประจำวันกันอย่างไรบ้าง เราจึงอดไม่ได้ที่จะนำเสนอกุศโลบายที่แยบคาย และน่าสนุกยิ่งสำหรับนักปฏิบัติในคอลัมน์ครั้งนี้
1. ระฆังแห่งสติในคอมพิวเตอร์ เหมาะมากสำหรับผู้ที่ทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน เมื่อได้ยินเสียงระฆังจากโปรแกรม (เราสามารถตั้งไว้ได้ว่าจะให้ดังทุก 15 นาที หรือ ทุกชั่วโมง ที่กังวานใส เราก็เพียงหยุดทุกสิ่งที่ทำอยู่ รวมถึงหยุดคิดด้วย แล้วกลับมาอยู่กับลมหายใจแห่งสติสัก 3 ลมหายใจ แล้วจึงค่อยทำงานต่อ ส่วนใครจะหายใจไปด้วย ยิ้มไปด้วย ก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด
2. ระฆังแห่งสติในชีวิตประจำวัน
สำหรับผู้ที่ไม่ได้อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ก็สามารถเจริญสติได้ โดยการหาอะไรสักอย่างที่มีอยู่ในชีวิตประจำวันมาเป็น"ระฆังแห่งสติ" ให้กับตนเอง บางคนใช้เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นก็ตามลมหายใจก่อนรับโทรศัพท์ มีพี่หมอท่านหนึ่งได้แลกเปลี่ยนว่า เพราะการเป็นหมอดมยาในห้องผ่าตัด (วิสัญญีแพทย์) พี่หมอจึงใช้เสียงของเครื่องปั๊มอากาศในห้องผ่าตัดแทนระฆัง เมื่อได้ยินเสียงเครื่องปั๊มอากาศพี่หมอก็กลับมาอยู่กับลมหายใจ แล้วชวนให้ผู้ป่วยกลับมาอยู่กับลมหายใจพร้อมกัน พี่หมอบอกว่านอกจากตัวเองแล้ว ยังสังเกตได้ว่าผู้ป่วยที่เคยกังวล ค่อยๆ หลับไปด้วยความผ่อนคลายยิ่งขึ้นด้วย งานนี้เรียกว่าหนึ่งได้สองกันเลยเชียว
3. ทางเดินแห่งสติ
เราอาจเลือกเส้นทางหนึ่งที่เราต้องเดินในทุกวันให้เป็นทางเดินแห่งสติของเราเอง อาจเป็นทางเดินที่ไม่ไกลนัก เช่น จากที่จอดรถไปห้องทำงาน หรือจากตึกหนึ่งไปสู่อีกตึกหนึ่งหรือบันไดระหว่างชั้นที่เรามักต้องขึ้นลงบ่อยๆ ขอให้เราตั้งใจเอาไว้ว่า ในเส้นทางนี้เราจะเดินอย่างมีสติในทุกย่างก้าว ให้เป็นเส้นทางที่เดินแล้วเราได้ผ่อนคลาย เป็นการเดินที่สร้างรอยยิ้มให้กับเราก็เพียงพอแล้ว
4. ไฟแดงคือหยุดอย่างแท้จริง
น้องคนหนึ่งแลกเปลี่ยนว่า แทนที่จะปล่อยความหงุดหงิดไปกับรถติดบนท้องถนน เธอเลือกที่จะใช้ไฟแดงนั้นเป็นอุปกรณ์ทำให้เธอได้กลับมาอยู่กับลมหายใจ และยิ้มให้กับไฟแดงซะเลย ยิ่งติดไฟแดงบ่อยเท่าไหร่ก็ยิ่งมีโอกาสกลับมาอยู่กับลมหายใจเท่านั้น เธอบอกไว้พร้อมรอยยิ้ม
5. จักรวาลในจานข้าว
บางคนจะที่ชอบทานก็สามารถยึดเอาเป็นสรณะได้เช่นกัน เพราะยิ่งทานก็ยิ่งมีโอกาสได้พิจารณาอาหารได้มากครั้งเท่านั้น เราได้มีโอกาสฝึกมองอย่างลึกซึ้งว่าอาหารหรือขนมที่อยู่ตรงหน้านั้นมาจากไหนบ้าง มีผู้คนที่ทำงานหนักด้วยความรักความเอาใจใส่อยู่มากมายเพียงใดในอาหารจานนี้ ที่สำคัญเรากำลังจะทานด้วยความรู้สึกอย่างไร เพียงเท่านี้เวลาในการทานอาหารก็กลายเป็นเวลาอันประเสริฐแห่งการปฏิบัติแล้ว
6. เพลงพาใจเบิกบาน
หมู่บ้านพลัมมีบทเพลงที่เชื้อเชิญให้กลับมาอยู่กับลมหายใจ กับปัจจุบันขณะ กับตัวเราเอง กับความเบิกบาน มากมาย เวลาที่ขุ่นมัวเราอาจจะฮัมเพลงเหล่านั้นขึ้นมาเบาๆ ซึ่งแม้เพียงแผ่วเบา ดอกไม้ก็สามารถบานขึ้นในใจได้เช่นกัน หรือใครจำเพลงของหมู่บ้านพลัมไม่ได้ อาจเลือกเพลงที่มีความหมายดีๆ ที่ชอบเป็นการส่วนตัวแทนก็ได้ ไม่ว่ากัน
7. ปฏิบัติกับสังฆะ
การดำรงสติในชีวิตประจำวันเป็นเรื่องไม่ง่าย แต่การปฏิบัติร่วมกันเป็นหมู่คณะช่วยให้การปฏิบัติง่ายขึ้นได้ เวลาเรายิ้มไม่ค่อยออก พี่น้องข้างหน้าจะส่งยิ้มให้เรายิ้มตอบ เวลาเราไม่ค่อยมีสติ พี่น้องข้างขวาจะปฏิบัติอย่างมีสติให้เราเห็น เวลาเราหลงลืมการปฏิบัติ พี่น้องข้างซ้ายจะปฏิบัติอย่างถูกต้องให้เราได้ทำตาม เวลาเราหมดกำลังใจ พี่น้องข้างหลังจะส่งพลังแห่งสติและความเบิกบานมาเกื้อกูล "สังฆะอยู่รอบตัวเราเพื่อเกื้อกูลกันและกัน ถ้าเป็นไปได้ควรปฏิบัติร่วมกันเป็นสังฆะดีกว่าปฏิบัติเพียงลำพังคนเดียว" หลวงปู่กล่าวเอาไว้เช่นนั้น
8. ยิ้มช่วยท่านได้
เพื่อนนักปฏิบัติคนหนึ่งที่แม้จะไม่รู้จักหลวงพี่นิรามิสาเป็นการส่วนตัว แต่เพราะชอบรอยยิ้มอันเบิกบานของหลวงพี่ จึงตัดเอารูปของหลวงพี่จากนิตยสารฉบับหนึ่งเก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะ เมื่อหงุดหงิดหรือมีความโกรธขึ้นมา พี่คนนี้ก็จะเปิดลิ้นชักออกมาและพบกับรอยยิ้มของหลวงพี่ ในทันใดก็สามารถสัมผัสถึงรอยยิ้มของหลวงพี่และสามารถยิ้มกลับไปได้ เมื่อรอยยิ้มเกิด ความโกรธก็จากลาไปในขณะเดียวกัน : )
9. หลวงปู่ช่วยท่านได้
พี่คนหนึ่ง (อักษรย่อ ต.) เป็นคนชอบดื่มเหล้า เมื่อปฏิบัติก็รับศีลและตั้งใจว่าจะลดการดื่มลง เมื่อกลับไปที่บ้าน พี่ต. นำใบรับศีลที่ได้วางไว้หน้าขวดเหล้าในตู้เพื่อเป็นระฆังสติ เตือนใจยามที่เพื่อนมาที่บ้านแล้วจะสังสรรค์กัน เท่านั้นไม่พอ พี่ต. ยังนำรูปหลวงปู่ติช นัท ฮันห์ วางไว้หลังใบรับศีล เผื่อว่าวันไหนอดใจไม่ไหว หยิบใบรับศีลออกก็จะยังได้เจอกับหลวงปู่อีกเป็นปราการด่านสุดท้าย และขอรายงานว่า จนถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบ 2 ปี ขวดสุราของ พี่ต. ยังไม่พร่องไปเลยสักนิด เพราะการปฏิบัติเช่นนี้นี่เอง
10. ...............
สำหรับข้อนี้ขอเว้นว่างเอาไว้ให้คุณผู้อ่านได้เติมวิธีปฏิบัติของตัวเองว่ามีวิธีการ "ตื่น" อย่างไรบ้าง ...
เข็มทิศชีวิต : ศิลปะแห่งการเริ่มต้นใหม่
ในชีวิตคนแต่ละคน จะมีความขุ่นข้องหมองใจ ที่เรารู้สึกกับผู้คนรอบตัว ตั้งแต่คนใกล้ตัว พ่อแม่ สามี ภรรยา ลูก เพื่อน เพื่อนร่วมงาน พนักงาน คนทำงานบ้าน ไปจนถึงคู่แข่ง ศัตรู นักการเมือง ฯลฯ
อารมณ์ความรู้สึกที่มีขึ้น ถ้าเราเก็บกักมันไว้ในใจ มันจะเป็นเหมือนน้ำที่ถ่ายเทไม่ได้กลายเป็นน้ำเน่าเสีย
ถ้าเราไม่รู้ทันตัวเอง เราจะเผลอสร้างน้ำเน่า สร้างขยะในหัวใจ แล้วปล่อยมันออกมา มากบ้าง น้อยบ้าง ให้กับคนที่ได้มาสัมผัสกับเรา
เพียงเราหยุดคิดสักนิด เราจะพบว่าคนใกล้ตัวที่เรารักหรือรักเรา เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายเราอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็ไม่สมเหตุสมผลเลย ที่เราจะขุ่นข้องโกรธเคืองเก็บความรู้สึกไว้ให้หมองใจ
แม้คนที่เจตนาไม่ดี คิดทำร้ายเรา อยากให้ชีวิตเราไม่ดี ไม่มีความสุข ยิ่งเราเจ็บแค้นโกรธเคือง ก็เหมือนมีไฟเผาลนไหม้ใจเราเอง ทำให้ตัวเราไม่มีความสุข ด้วยความคิดเจ็บแค้นเพ่งโทษของเราเอง เราเองที่ไปช่วยเขา ด้วยการทำให้ตัวเองไม่มีความสุข สมดังใจเขา รู้อย่างนี้เราก็ไม่มีเหตุที่จะไปช่วยให้งานเขาสำเร็จ
สรุปคือไม่มีเหตุที่จะโกรธ แค้น ขุ่นข้อง ทั้งกับคนที่ไม่เจตนาและเจตนา จะทำร้ายเรา ไม่ใช่เพื่อเขา แต่เพื่อความสุขความเจริญก้าวหน้าของตัวเราเอง
ลองค่อยๆ สังเกตตัวเองดู คนอื่นสร้างสถานการณ์แวดล้อมได้ แต่ชีวิตเราจะสามารถลดระดับลงจริงๆ ก็ตอนที่เรายอมให้มันเป็น ด้วยจิตใจที่เจ็บปวด โกรธ แค้น
ถ้าเราสามารถรักษาสภาพจิตใจ ให้มีความสุข มั่นคง แม้หวั่นไหวก็เพียงแค่ขณะสั้นๆ แล้วรีบรู้ทันตั้งหลักให้จิตใจ ด้วยเป้าหมายหลักที่จะทำให้ชีวิตตัวเองมีความสุขดีงาม ชีวิตกลับจะยิ่งเจริญ งดงาม พัฒนาก้าวหน้าขึ้น ทุกๆ ด้านในทุกๆ วัน
จิตใจที่มีสุข สงบ ร่มเย็น แม้ในยามที่ถูกบีบคั้น จะสามารถมองเห็นสิ่งดีงามในชีวิต เห็นความรัก ความสุข ความอบอุ่น โชคดีที่อยู่รอบตัว เห็นโอกาส ช่องทาง ความเป็นไปได้ที่ดีงามเปิดกว้างรอเราอยู่ตรงหน้าเสมอ
สิ่งดีงาม ความรัก ความอบอุ่น โอกาส เงินทอง ปูอยู่ทุกอณูบนพื้นโลก อยู่ที่ใครมีสายตา มีหัวใจมองเห็นมัน
เราเห็นสิ่งที่เรามองหา
เราได้รับสิ่งที่เราเป็นอย่างแท้จริงภายใน
หลายคนสงสัยว่าจะหยุดโกรธแค้น คนที่ทำไม่ดีกับเราได้อย่างไร แม้อยากหยุดเพราะรู้ว่ามันไม่ดีทำร้ายตัวเอง และชีวิต แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร
ตอนนี้ฝรั่งกำลังนิยม NPL (Neuro Linguistic Program) คือเทคนิคการใช้คำพูด กล่อมเกลาจิตใจ ซึ่งคนตะวันออกรู้จักมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล คือ 2500 กว่าปีที่แล้ว เรามีการแผ่เมตตาให้ทั้งกับตัวเองและคนอื่น สวดภาวนาคำที่เป็นมงคล พูดสิ่งที่ดีงาม
วิธีดูแลความโกรธ หรือแม้กระทั่งความโกรธที่ฝังลึกลงไปที่เรียกว่าความแค้น ก็คือ เมื่อความคิดถึงคนนั้น หรือเรื่องราวผุดขึ้นมา ให้เราสังเกตเห็นมัน ไม่พยายามผลักมันออกไป แล้วก็ไม่คิดเพิ่มเพราะเป็นการให้อาหารมัน แล้วใช้คำพูดช่วย เช่น ขอให้คุณมีความสุข ขอให้คุณได้เรียนรู้ ได้รับ ได้ทำสิ่งที่ดีงามต่อชีวิตคุณอย่างแท้จริง ขอให้ฉันมีความสุข ขอให้จิตใจฉันสงบร่มเย็น ขอให้ชีวิตฉันดีขึ้นทุกๆ วัน ในทุกๆ ทาง ด้วยสติปัญญา หรือเลือกคำอะไรสั้นๆ ที่มีความหมายดีงาม ตามที่คุณรู้สึก
ถึงแม้ในตอนแรกๆ ใจมันอาจจะไม่อยากอวยพรให้เขาได้ดี ก็ให้ใช้คำพูดนำไปก่อนแล้วค่อยๆ น้อมใจไป วันละนิดๆ ใจจะค่อยๆ อ่อนโยนต่อเขามากขึ้นเรื่อยๆ
ขอให้จำไว้เสมอว่า ความคิด การกระทำ คำพูด ที่ดีงาม ที่ส่งให้เขา ผลดีมันตกที่ตัวคุณเองก่อนเสมอ
ในทันทีที่คุณพูด คิด ปรารถนาดี คุณปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ อิสระจากกรงขังของความเจ็บแค้น ซึ่งมันไม่น่าสนุกเลยที่จะอยู่ในนั้น
เกิดอะไรขึ้น ก็เรียนรู้ว่าทำไมเราถึงไปอยู่ในสถานการณ์อย่างนั้น กับคนแบบนั้น ไม่สู้รบตอบโต้ ขัดเกลาตัวเอง แล้วเดินต่อไป สร้างชีวิตใหม่ที่ดีงาม
พลังงานที่เอาไปทำกิจกรรมด้านลบ แก่งแย่ง สู้รบ โจมตีกัน ไม่ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น พลังงานเท่ากัน เอาไปใช้ด้านบวก สร้างชีวิตใหม่ ปล่อยขยะ ปล่อยของเน่าทิ้งไป เหมือนเดินผ่านพยับแดดที่เป็นภาพลวงตา สามารถหายวับไปจากใจได้ ทันที ทุกเวลา เหลือใจที่ใสๆ เบาๆ สบายชุ่มฉ่ำด้วยความรักความปรารถนาดี เอาไปสร้างชีวิตใหม่ให้ตัวเอง และคนที่เรารักได้ทุกวัน
ถามตัวเองเสมอว่า อยากมีชีวิตที่ดีงาม มีความสุข? ถ้าใช่ก็เลือกเดินบนเส้นทางนั้น ขัดเกลาตัวเองไม่ใช่เอาใจมุ่งไปขัดเกลาคนอื่น เมื่อใดก็ตามที่คุณมีความมุ่งร้าย อยากทำร้าย อยากเอาคืน อยากทำให้ชีวิตคนอื่นแย่ลง ด้วยการพูดร้าย คิดร้าย ทำร้าย ขอให้รู้ว่านั่นเกิดจากความไม่บริสุทธิ์ ความอ่อนแอภายในตัวคุณเอง และที่สำคัญคือคุณไม่แน่ใจว่าเขาไม่ดีจริง การที่เขาอาจจะเป็นคนดีมีชีวิตเจริญรุ่งเรือง คุณเลยพยายามยื่นมือเข้าไปช่วยทำลายชีวิตเขา
ในทางตรงกันข้าม ถ้าคุณมั่นใจรู้แน่แก่ใจ แม้คนอื่นจะไม่รู้ว่าเขาไม่ดีจริงๆ และใจคุณสะอาดมั่นคง คุณจะไม่ต้องไปทำอะไรเขาเลย เพราะคุณรู้ว่า คนที่ทำไม่ดี จะได้รับผลไม่ดีในที่สุด โดยที่มือคุณไม่ต้องเปื้อนเลือดเลย คุณยังต้องแอบเอาใจช่วยเขาเสียอีก
สรุปก็เหมือนเดิมอีก คือ คนไม่ดีหรือคนดี ถ้าเรามีจิตใจสงบมั่นคง เราก็ไม่ไปทำอันตรายเขา ดูแลชีวิตเรา ให้สะอาด อบอุ่นดีงาม เป็นพอ
หักหอกเป็นดอกไม้ ตอน.. อย่าเป็นควาย!
มนุษย์ทุกคนย่อมต้องเคยประสบกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด หรือสิ่งที่ไม่ชอบใจที่ทำให้เราเป็นทุกข์ แต่ก็มีความทุกข์จำนวนไม่น้อยที่เกิดจากความคิดของเราเอง
พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณฺโณ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าชิคาโก ได้เมตตาชี้แนะการเอาทุกข์ออกจากใจด้วยการ “หักหอกเป็นดอกไม้” หมายถึง การไม่นำความผิดปกติภายนอกมาทำลายความปกติภายใน หรือความปกติของใจเรานั่นเอง
หลักในการหักหอกเป็นดอกไม้ก็คือ เอาความรู้สึกตัวใส่เข้าไปในความเคยชิน มีสติรู้ตัวอยู่เสมอ แม้เมื่อเผลอไปก็ตามรู้ว่าเผลอไป เพราะเวลาที่คนเรามีปัญหา เรามักจะหลงคิดไปต่างๆ จึงเกิดทุกข์ เช่น เวลามีใครมาด่าเราว่า “ควาย” การด่าหรือคำด่าก็คือเสียง คือธาตุลมมากระทบกับธาตุดินคือหูของเรา แต่พอเราไม่มีสติ มีอวิชชา (ความไม่รู้) อยู่ภายใน เราก็เผลอไปปรุงเสียงนั้นต่อ ธาตุไฟหรือความโกรธจึงเกิดขึ้นเพราะเราไปดึงอดีตมาขบเคี้ยว (คิด) ให้ตัวเองเป็นทุกข์ เหมือนมีคนเอาเข็มมาจิ้มเราแล้วก็หนีหายไป เราดึงเข็มออกมาแล้วก็ร้อง อุ๊ย เจ็บ เจ็บ แต่พอสักพักเราก็จิ้มตัวเองใหม่แล้วก็ร้อง เจ็บ เจ็บ แล้วก็จิ้มใหม่เจ็บใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
คนส่วนใหญ่มักเคยชินในการเอาเข็มความคิดที่เจ็บปวดมาจิ้มตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า!
สิ่งที่เขาด่าเราจบกลายเป็นอดีตไปแล้ว แต่เราไม่ยอมจบ กลับคิดวนเวียนถึงสิ่งที่เขาว่าเรา เหมือนเราด่าตัวเองเป็นร้อยพันครั้ง โคลนนิงคำว่า “ควาย” เป็นทวีคูณ พอเช้าวันต่อมาเราก็ลาก “ควายทั้งฝูง” ติดตัวออกจากบ้านไปด้วย พอเห็นหน้าคนที่มาว่าเรา เราก็โกรธ เอาเรื่องที่เขาว่าเราเมื่อวานมาโกรธต่อ อย่างนี้เปรียบเหมือนคนที่ชอบกินของบูดของเน่า ความโกรธยังเป็นอารมณ์ของผู้มีปัญญาทรามซึ่งพ่ายแพ้ต่อกิเลส หากคนอื่นพ่ายแพ้ต่อกิเลสมาว่าเราก่อน เราจะยอมพ่ายแพ้ตามเขาด้วยการโกรธหรือ?
ทำเช่นนี้ก็พ่ายซ้ำสอง พ่ายแล้วพ่ายอีก พ่ายยับเยิน!
วิธีการหักหอกเป็นดอกไม้ก็คือ “รู้เฉยๆ” ไม่ว่าที่เขาว่ามาจะจริงหรือไม่ แต่เราไม่ควรโกรธ เอาความรู้สึกตัวใส่เข้าไปในความเคยชิน อะไรเกิดก็รู้อย่างเดียว ไม่ต้องไปทำอะไรต่อ พระอาจารย์ กล่าวว่า “เมื่อจิตไหลให้รู้ดูที่จิต หลงครุ่นคิดก็ให้รู้ดูเอาไว้ เมื่อจิตเผลอก็ให้รู้ดูเข้าไป ผลสุดท้ายมีแต่รู้ ‘กู’ ไม่มี” คือ มีแต่ตัวรู้ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แปรปรวน และดับไป แต่ “ตัวกู” ที่จะเข้าไปยึดให้เกิดทุกข์นั้นไม่มี จะเห็นได้จากพระอริยบุคคลทั้งหลาย ยิ่งบรรลุธรรมขั้นสูงยิ่งทุกข์น้อยลง จนกระทั่งเมื่อเป็นพระอรหันต์ก็ไม่มีทุกข์เลย ไม่มีทุกข์นี้หมายความว่าไม่มีทุกข์ทางใจ แม้จะยังมีทุกข์ทางกาย เช่น ความปวดเมื่อยเหนื่อยหิว หรือโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ก็ตาม
พระอาจารย์ให้หลักปฏิบัติไว้ว่า “คิดก่อนพูด คิดก่อนทำ และคิดก่อนคิด” คิดก่อนคิด หมายถึง ยับยั้งการคิดที่จะสร้างวิบากกรรมหรือสร้างทุกข์แก่ตนเอง หากเราไปเจอคนที่เราเกลียดก็เพียงแต่รู้ว่าเจอ ไม่ต้องไปคิดต่อ ในทางกลับกันต้องขอบคุณเขาที่เป็นเสมือนอาจารย์ของเรา ทำให้เราได้เห็นอาการของจิตที่ชอบไปหาเรื่อง เพราะมีคนหรือสิ่งที่เราเกลียด เราจึงเห็นความสำคัญของการฝึกจิต บางคนเรียนจบสูง แต่ทางจิตใจยังเป็นเด็ก กระทบอะไรเล็กน้อยก็หวั่นไหว ใครแหย่ก็โกรธ เกลียด น้อยใจ เบื่อ เซ็ง ฟุ้งซ่าน ฯลฯ นานๆ เข้าไม่ต้องมีใครมาแหย่ก็ฟุ้งซ่านหวั่นไหวไปกับอารมณ์ต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง เป็นทุกข์ได้เก่ง เพราะไม่เข้าใจเรื่องการฝึกจิตนั่นเอง
การปฏิบัติธรรมคือการฝึกจิตให้มีความสุข มีความสบาย หากเผลอไปคิดเรื่องที่จะทำร้ายตัวเองก็ต้องรู้สึกตัวว่าเผลออยู่เรื่อยๆ หากเราต้องการความสุข ไม่ต้องไปคิดว่าเมื่อไหร่จะมีความสุข เพราะเราสามารถมีความสุขได้เดี๋ยวนี้ ที่นี่ ด้วยการคิดดี พูดดี ทำดี ผู้ที่ปฏิบัติภาวนาก็ขอให้ความสุขกับการภาวนา อย่าไปรอความสุขจากผลของการภาวนา เพราะเราไม่รู้ว่าผลจะเกิดเมื่อใด
ศีล ๕ พาพ้นภัย..หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
ถ้าเราจะปฎิบัติดี ปฏิบัติชอบ ศีล ๕ ข้อนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก คฤหัสถ์กินข้าวเย็น ไม่มีในคัมภีร์ใดที่พระพุทธเจ้าเทศน์เอาไว้ว่าตกนรก ถ้าหากละเมิดศีล ๕ ข้อ ข้อใดข้อหนึ่งล่ะตกนรกทันที
ทำไมพระพุทธเจ้าจึงสอนให้รักษาศีล ๕ โดยวิสัยของพระพุทธเจ้า ทรงไว้ซึ่งพระกรุณาคุณ พระองค์ทรงปรารถนาให้มนุษย์มีความรักกัน นี่คือคำตอบ รักษาศีล ๕ ไปทำไม
ต้องการความรัก ความรักที่เกิดขึ้นจากคุณธรรม เป็นความรักที่ประกอบไปด้วยความเมตตาปรานี รักได้ทุกคน
เมื่อเรามีศีล ๕ ศีล ๕ ก็เป็นคุณธรรมประกันความปลอดภัยของสังคม
การไม่ฆ่าเป็นการเคารพในสิทธิของผู้อื่น
การไม่ลักขโมยเป็นการเคารพในสิทธิของคนอื่น ก
าเมสุมิจฉาจาร มุสาวาทก็เคารพในสิทธิของผู้อื่น
สุราไม่มัวเมา เคารพในสิทธิของตัวเองและผู้อื่นด้วย
เมื่อเป็นเช่นนั้นก็เป็นมูลฐานให้เกิดระบอบประชาธิปไตย
เพราะฉะนั้น ในเมื่อมีศีล ๕ แล้วก็ไม่ต้องกังวล เป็นการตัดกรรมตัดเวร เมื่อเราไม่ฆ่าใคร ใครหนอจะมาคิดฆ่าเรา เมื่อเราไม่เบียดเบียนข่มเหงรังแก ใครหนอจะมาคิดร้ายต่อเรา เราก็อยู่สบาย อยู่ป่าก็สบาย
คนมีศีลบริสุทธิ์นี่ แม้แต่เสือมันก็ไม่กัด หลวงตาสนอยู่เมืองอุบลเมื่อก่อนนี่ เดิมทีเดียวท่านเป็นนักเลงโตขนาดจี้ปล้นชั้นเสือ ภายหลังมากลับอกกลับใจ นึกถึงบาปบุญคุณโทษ เพราะไปติดคุกอยู่ ๑๔ ปี พอออกจากตะรางไปยกมือไหว้ขอบริขารเขา บอกว่า โอ๊ย เพิ่งออกจากคุกมาเดี๋ยวนี้ อยากจะบวช ไม่มีบริขารจะบวช ขอบริขารไปบวชหน่อย คนขายบริขารก็จัดให้ ถ้าไม่ให้ก็กลัวมันจะทำร้ายเอา พอได้แล้วแกก็ไปหาอุปัชฌาย์ อุปัชฌาย์ก็บวชให้ด้วยความจำใจเหมือนกัน พอบวชแล้วท่านก็ศึกษาพระธรรมวินัยข้อวัตรปฏิบัติ พอมีความรู้ความเข้าใจพอสมควรแล้วไปธุดงค์อยู่ในดงบั๊กอี่
ดงบั๊กอี่มีอาณาเขตตั้งแต่อำเภออำนาจเจริญไปถึงอำเภอมุกดาหาร เมื่อก่อนทางรถยนต์ก็ไม่มี มีแต่ทางเดินเท้า มีคนไปสร้างกรงเอาไว้ เอาไม้เป็นท่อนๆ ไปฝังๆ เรียงกัน จนสัตว์ใหญ่ๆ เข้าไม่ได้ ใครเดินทางมาจะต้องรีบเร่งให้ถึงที่ตรงนั้น มานอนอยู่ในกรงนั่น มิฉะนั้นเสือมันเอาไปกินหมด
ทีนี้หลวงตาสนแกไป แกก็ไปนอนอยู่บนก้อนหิน กลดไม่กาง เดือนหงายๆ ตกกลางคืนเสือมันออกมาเป็นฝูง ท่านก็บอกว่า "เสือเอ๊ย! ... มากินมันเสีย บักอันนี้มันเป็นโจรฆ่าผู้ฆ่าคนมามากแล้ว มากินเสียให้มันหมดกรรมหมดเวรไปหน่อย" เสือมันก็ไม่กิน ท่านบอกว่า ธรรมดาเสือเมื่อมันเห็นคนเห็นสัตว์มันจะหมอบทำท่าขู่
แต่นี่มันมาแล้วมานั่งเฝ้าเหมือนหมาเฝ้าบ้าน นั่งยองๆ เหมือนหมานั่งเฝ้าบ้าน บางตัวเดินไปหัวมันสูงกว่าหัวเรา เวลามันนั่งอยู่ ท่านเดินเข้าไปหามัน จะเอามือไปตบหัวมัน มันก็กระโดดเข้าป่าไป แทนที่มันจะกัดท่าน มันไม่กัด ท่านจึงมาพูดเล่นๆ ตลกๆ ว่า "เออ! ไอ้ของที่เราสละทิ้งแล้วนี่ แม้แต่สัตว์เดรัจฉานมันก็ไม่เอา ของทิ้งแล้ว"
เพราะฉะนั้น ศีลนี่เป็นหลักธรรมประกันความปลอดภัย ตัดกรรมตัดเวร ตัดผลเพิ่มของบาปกรรม ทอนกำลังกิเลส
ทำไมพระพุทธเจ้าจึงสอนให้รักษาศีล ๕ โดยวิสัยของพระพุทธเจ้า ทรงไว้ซึ่งพระกรุณาคุณ พระองค์ทรงปรารถนาให้มนุษย์มีความรักกัน นี่คือคำตอบ รักษาศีล ๕ ไปทำไม
ต้องการความรัก ความรักที่เกิดขึ้นจากคุณธรรม เป็นความรักที่ประกอบไปด้วยความเมตตาปรานี รักได้ทุกคน
เมื่อเรามีศีล ๕ ศีล ๕ ก็เป็นคุณธรรมประกันความปลอดภัยของสังคม
การไม่ฆ่าเป็นการเคารพในสิทธิของผู้อื่น
การไม่ลักขโมยเป็นการเคารพในสิทธิของคนอื่น ก
าเมสุมิจฉาจาร มุสาวาทก็เคารพในสิทธิของผู้อื่น
สุราไม่มัวเมา เคารพในสิทธิของตัวเองและผู้อื่นด้วย
เมื่อเป็นเช่นนั้นก็เป็นมูลฐานให้เกิดระบอบประชาธิปไตย
เพราะฉะนั้น ในเมื่อมีศีล ๕ แล้วก็ไม่ต้องกังวล เป็นการตัดกรรมตัดเวร เมื่อเราไม่ฆ่าใคร ใครหนอจะมาคิดฆ่าเรา เมื่อเราไม่เบียดเบียนข่มเหงรังแก ใครหนอจะมาคิดร้ายต่อเรา เราก็อยู่สบาย อยู่ป่าก็สบาย
คนมีศีลบริสุทธิ์นี่ แม้แต่เสือมันก็ไม่กัด หลวงตาสนอยู่เมืองอุบลเมื่อก่อนนี่ เดิมทีเดียวท่านเป็นนักเลงโตขนาดจี้ปล้นชั้นเสือ ภายหลังมากลับอกกลับใจ นึกถึงบาปบุญคุณโทษ เพราะไปติดคุกอยู่ ๑๔ ปี พอออกจากตะรางไปยกมือไหว้ขอบริขารเขา บอกว่า โอ๊ย เพิ่งออกจากคุกมาเดี๋ยวนี้ อยากจะบวช ไม่มีบริขารจะบวช ขอบริขารไปบวชหน่อย คนขายบริขารก็จัดให้ ถ้าไม่ให้ก็กลัวมันจะทำร้ายเอา พอได้แล้วแกก็ไปหาอุปัชฌาย์ อุปัชฌาย์ก็บวชให้ด้วยความจำใจเหมือนกัน พอบวชแล้วท่านก็ศึกษาพระธรรมวินัยข้อวัตรปฏิบัติ พอมีความรู้ความเข้าใจพอสมควรแล้วไปธุดงค์อยู่ในดงบั๊กอี่
ดงบั๊กอี่มีอาณาเขตตั้งแต่อำเภออำนาจเจริญไปถึงอำเภอมุกดาหาร เมื่อก่อนทางรถยนต์ก็ไม่มี มีแต่ทางเดินเท้า มีคนไปสร้างกรงเอาไว้ เอาไม้เป็นท่อนๆ ไปฝังๆ เรียงกัน จนสัตว์ใหญ่ๆ เข้าไม่ได้ ใครเดินทางมาจะต้องรีบเร่งให้ถึงที่ตรงนั้น มานอนอยู่ในกรงนั่น มิฉะนั้นเสือมันเอาไปกินหมด
ทีนี้หลวงตาสนแกไป แกก็ไปนอนอยู่บนก้อนหิน กลดไม่กาง เดือนหงายๆ ตกกลางคืนเสือมันออกมาเป็นฝูง ท่านก็บอกว่า "เสือเอ๊ย! ... มากินมันเสีย บักอันนี้มันเป็นโจรฆ่าผู้ฆ่าคนมามากแล้ว มากินเสียให้มันหมดกรรมหมดเวรไปหน่อย" เสือมันก็ไม่กิน ท่านบอกว่า ธรรมดาเสือเมื่อมันเห็นคนเห็นสัตว์มันจะหมอบทำท่าขู่
แต่นี่มันมาแล้วมานั่งเฝ้าเหมือนหมาเฝ้าบ้าน นั่งยองๆ เหมือนหมานั่งเฝ้าบ้าน บางตัวเดินไปหัวมันสูงกว่าหัวเรา เวลามันนั่งอยู่ ท่านเดินเข้าไปหามัน จะเอามือไปตบหัวมัน มันก็กระโดดเข้าป่าไป แทนที่มันจะกัดท่าน มันไม่กัด ท่านจึงมาพูดเล่นๆ ตลกๆ ว่า "เออ! ไอ้ของที่เราสละทิ้งแล้วนี่ แม้แต่สัตว์เดรัจฉานมันก็ไม่เอา ของทิ้งแล้ว"
เพราะฉะนั้น ศีลนี่เป็นหลักธรรมประกันความปลอดภัย ตัดกรรมตัดเวร ตัดผลเพิ่มของบาปกรรม ทอนกำลังกิเลส
วันพฤหัสบดี, มกราคม 27
เรียน เรียน เรียน
ฉันนั้นคือ นักเรียน เพียรศึกษา
ตื่นเช้ามา มุ่งออก ลอกการบ้าน
สังคมวิทย์ อังกฤษนั้น ลอกกันอาน
เรื่องเกียจคร้าน ไม่มีหรอก ลอกลูกเดียว
เวลาเรียน ก็นั่งหลับ สัปหงก
เวลายก มือตอบ ก็ลอบเสียว
เวลาสอบ ตอบกัน มันส์นักเชียว
ครูเผลอเหลียว หันหลังถาม งามคะแนน
เรื่องโดดเรียน เพียรนัก รักที่สุด
กลยุทธ์ ทิ้งร่ม เพื่อนชมแม่น
แต่บางครั้ง ก็โดดพลาด ไม่ขาดแคลน
ต้องถูกตี จนตูดแอ่น แสนจะอาย
ตื่นเช้ามา มุ่งออก ลอกการบ้าน
สังคมวิทย์ อังกฤษนั้น ลอกกันอาน
เรื่องเกียจคร้าน ไม่มีหรอก ลอกลูกเดียว
เวลาเรียน ก็นั่งหลับ สัปหงก
เวลายก มือตอบ ก็ลอบเสียว
เวลาสอบ ตอบกัน มันส์นักเชียว
ครูเผลอเหลียว หันหลังถาม งามคะแนน
เรื่องโดดเรียน เพียรนัก รักที่สุด
กลยุทธ์ ทิ้งร่ม เพื่อนชมแม่น
แต่บางครั้ง ก็โดดพลาด ไม่ขาดแคลน
ต้องถูกตี จนตูดแอ่น แสนจะอาย
10 วิธีเปลี่ยนเพื่อนให้เป็นแฟน
เมื่อน้ำตาลกับมดอยู่ใกล้กัน บางครั้งน้ำตาลอาจจะเป็นฝ่ายหลงรักมดน้อย แต่ก็ไม่กล้าที่จะบอกออกไปตรงๆ มันน่าอึดอัดมากกับการหลงรักคนที่สนิทสนมกันมากๆ จะทำอย่างไรดีหละ
1. ยอมรับกับตัวเองก่อน คุณอาจบอกใครต่อใครว่ารักเขาแบบพื่น้อง แต่ความจริงเป็นอย่างไร หัวใจมันก็คอยฟ้องอยู่ ดังนั้น ขั้นแรกสุด คุณต้องยอมรับเจ้าความรู้สึกนี้ และยอมรับว่าคุณยังไม่พอใจกับสิ่งที่เรียกว่า "มิตรภาพ" เรา ขอเตือนไว้ก่อนนะคะ ในขณะที่คุณเอาแต่มอง ผู้หญิงคนอื่นเขาก็มาเล็มมาตอด "เพื่อนรัก" ของคุณไปไหนถึงไหนแล้ว และก็มีแต่คุณนั่นแหละที่หัวเสีย จะทนกับสภาพแบบนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหนล่ะคะ
2. พูดจาภาษาดอกไม้ เรารู้ว่ามันติดปาก แต่เลิกเรียกเขาว่า "เพ่" "แก" หรือชื่อที่พ่อแม่เขาไม่ได้ตั้งให้อย่าง อ้วน เตี้ย แล้วก็ต้องหยุดพูดคำสมัยพ่อขุนรามกับเขาด้วยนะคะ ภาษาแบบนี้เขาเอาไว้ใช้กับเพื่อน และก็ไม่ได้รื่นหูหรือทำให้หัวใจเขาสั่นสะเทือนเลย
3. แต่งตัวแบบสาวหวาน เป็นผู้หญิงอินเลิฟก็ต้องแสดงออกบ้างนะ จริงอยู่ที่คุณอาจมีสไตล์ และก็เป็นตัวของตัวเองมาก แต่ลองทำความรู้จักกับสาวหวานที่อยู่ในกระจกกันหน่อย ลองเปลี่ยนจากกางเกงยีนส์ตัวเก่งมาเป็นกระโปรงหวานๆ สักตัว คำแนะนำนี้อาจเชยไปนิด แต่เรารับรองได้ ผู้ชายเป็นสัตว์ประเสริฐที่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เขาเห็น รับรองว่าพ่อหนุ่มน้อยต้องสังเกตความเปลี่ยนแปลงของคุณแน่ๆ ค่ะ
4. อย่าปิดหัวใจ เผื่อทางเลือกไว้นิดนึง การคบกับหนุ่มคนอื่นที่จริงใจสักคนไม่ใช่เรื่องเสียหายถ้าไม่มีอะไรเกินเลย เกิด "เพื่อนรัก" ของคุณเขาถามถึงหนุ่มคนนั้น ก็เป็นโอกาสดีที่จะเช็คว่าเขากังวลเรื่องคู่แข่งรึเปล่านะ เอาน่า... แข่งนิดแข่งหน่อยดีต่อสุขภาพนะจ๊ะ หุหุ
5. อย่าเอาแต่นั่งฝันหวาน สมมติว่ามีเพื่อน B ที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลยมาพูดข้างหูทุกวันว่า "เธอกับ A ถ้าคบกันคงดีนะ" คุณจะรู้สึกยังไง? รำคาญสุดๆ เลยล่ะ มองในอีกแง่หนึ่ง คุณก็คงดีใจอยู่ที่ B เห็นอย่างที่เราเห็น แต่ A ต่างหากที่เป็นคนสำคัญ และเขาจะไม่หันมาคบกับคุณเพียงเพราะเสียงซุบซิบของคนในวงนอก คำถามอยู่ที่ว่าคุณกับเขาเคมีตรงกันแค่ไหน มีใจตรงกันรึเปล่าล่ะคะ?
6. เฟลิร์ตสนุกๆ ถ้าอยู่ดีๆ สาวห้าวนิดๆ กระโตกกระตากหน่อยๆ จะมานั่งทำตัวหวานแหววคอยให้ท่าเขามันก็คงจะดูประหลาดและน่าสงสัยพิลึก ไม่ต้องถึงขนาดนั้นตัวร้ายในละครหลังข่าวหรอกค่ะ ขอให้ลองยิ้มให้มากขึ้นและหัวเราะอย่างเป็นธรรมชาติ หาโอกาสแอบแตะแขนเขาบ้าง ถ้าผมยาวสลวยก็ลองสะบัดผมดูสักนิด น่านะ ยั่วหน่อยเถอะค่ะ เราไม่ได้บอกให้คุณทอดสะพาน แต่ถ้าผู้ชายคนนี้ทำให้เรารู้สึกเหมือนมีผีเสื้ออยู่ในท้องจริงๆ ทั้งดวงตาและรอยยิ้มของคุณจะเปล่งประกายอยู่แล้วน่ะ
7. ชวนเดตสิคะ เรื่องที่เศร้าที่สุดสำหรับการคิดถึงใครสัก คนก็คือ การที่คนๆ นั้นนั่งอยู่ข้างๆ เรานั่นแหละ คุณอาจจะแฮงเอาต์กับเขาฉันเพื่อน แต่ความจริงแล้วอยากเอามือลูบไล้เส้นผมไม่ได้หวีของเขาใจจะขาด อิอิอิ ได้เวลาชวนเขาเดตเป็นเรื่องเป็นราวแล้วล่ะ อย่าทรมานตัวเองเลยนะ
8. หาข้อมูล อยากบอกเขาตรงๆ แต่กลัวว่าคุณจะเฮิร์ตเสียเองใช่มั้ยล่ะคะ? ลองถามเพื่อนๆ ว่าเขามีปฏิรกิริยาอย่างไรกับเรื่องของคุณ หมั่นอ่านภาษากายเขาหน่อย เขาทีท่าทางอยากเป็นมากกว่าเพื่อนรึเปล่า หาเรื่องจับมือเราบ้างมั้ย แววตาที่เขามองเราแปลกไปจริงเหรอ แต่ขอร้องว่าอย่าจินตนาการไปคนเดียว ถามคนอื่นด้วยนะคะ!
9. พูดตรงๆ เมื่อผ่านข้ออื่นมาหมดแล้ว แต่เขาก็ยังไม่รู้สักที การบอกตรงๆ อาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด มองหาที่ส่วนตัวเงียบๆ บอกความรู้สึกของคุณให้เขารู้ ค่อยๆ บอกให้เป็นลำดับขั้นตอน เป็นเหตุผลหน่อย (ผู้ชายตอบสนองกับเหตุ-ผลมากกว่าอารมณ์ ถึงเขาจะเป็นเพศที่อารมณ์เป็นใหญ่ก็ตามเถอะ) หลังจากนั้น ถามความรู้สึกเขาแล้วฟังให้ดีๆ ล่ะ
10. รอ ใจเย็นๆ นะ คนที่ใช่ต้องมาพร้อมกับเวลาที่เหมาะ แม้ว่าในที่สุดคุณจะตระหนักได้ว่าตัวเองมีความรู้สึกอย่างไร แต่เขาอาจจะคบกับคนอื่นอยู่ ในกรณีนี้ก็รักษามิตรภาพไว้ให้ดี ใครจะรู้ ในอนาคตอาจกลายเป็นอย่างอื่น คู่กันแล้วไม่แคล้วหรอกค่ะ
ขอบคุณนะ ที่ทิ้งกัน
ช่วงเวลาที่เสียใจ คนเรามักจะมองผ่านสิ่งสำคัญไปเสมอ
สังเกตมั๊ย......
เวลาที่เราร้องไห้ ใครที่ซับน้ำตาให้ พร้อมพูดว่า
“สักวันมันจะผ่านไปได้”
คนที่พูดคำนี้ กลับไปมองเค้าดีดี ว่าเค้าเคยผ่าน
ช่วงเหตุการณ์ที่เรากำลังเจอยู่ รึป่าว
อย่าคิด...แค่ว่า คงไม่มีวันนี้ หรือมันจะอีกนานแค่ไหน
ฟังไว้....เผื่อสักวันเราจะได้ ใช้มันกับใครสักคนที่เรารู้จัก
...........................................................................
ถ้าไม่เคยถูกทิ้ง....
เราคงไม่มีวันฟังเพลงอกหักได้ ลึกซึ้งเลยซักเพลง
เมื่อรัยที่ฟังแล้วร้องไห้....
จงดีใจเถอะว่า...เราก้อยังคงมี หัวใจ
............................................................................
คนที่ใช้ อาจไม่ใช่คนเดียวที่เราต้องใช้ชีวิตด้วย
คนสุดท้ายอาจเป็นคนเดียวกับคน ที่เราไม่เคยแม้แต่จะสนใจ
อะไรก้อเกิดขึ้นได้กับหัวใจขนาด เท่ากำปั้นของมนุษย์เดินดิน
............................................................................
ถ้าไม่เคยถูกทิ้ง....
เราคงไม่มีวันเข้าใจ....ความ รู้สึกของใครบ้างคน
ที่เราอาจลืมไปว่า...ครั้งหนึ่ง เราก้อเคยทิ้งเค้ามา
...........................................................................
สัจธรรมชีวิต “ที่ใดมีรัก ที่นั้นมีทุกข์”
ทุกคนย่อมเจอะเจอ ไม่เว้นแม้แต่คนเดียว
เมื่อวานอาจเป็นวันที่สาหัส เจ็บหนักที่สุด
เรายังผ่านมันมาได้
แล้ววันนี้เราจะผ่านมันไปไม่ได้ เชียวหรือ
...........................................................................
ถ้าวันนั้นเราไม่โดนทิ้ง
เราคงไม่มีโอกาสได้พบกับคนที่ดี ยิ่งกว่า
เค้าคนนั้นอาจรอกเราอยู่....ใน วันข้างหน้า
...........................................................................
เมื่อรัยที่เราผ่านมันมาได้ ทุกอย่าง
มันก้อจะกลายเป็นอดีต ความทรงจำ แม้จะแลกด้วยน้ำตา
ก้อดีกว่า...ชีวิตไม่เคยเจอะเจอ อะไรให้จดจำเลย
..........................................................................
ให้ความเจ็บช้ำเป็นแรงกดดันให้ เราพัฒนาตนเอง
ต้องเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
วันนั้นเราอาจหันกลับไปหาเค้า ด้วยรอยยิ้ม แล้วพูดว่า
“ ขอบคุณ...ที่ทิ้งกัน ”
เมื่อความรัก หมายถึง ความห่วงใย
เคยมีใครถามคุณไหมว่า “ความรักคืออะไร?” ผมคิดว่าวันนี้ผมมีคำตอบให้คุณแล้วล่ะ คำที่ใช้แทนคำว่า “ความรัก” ได้ ดีที่สุด น่าจะเป็นคำว่า “ใส่ใจ”
หากคุณคิดที่จะบอกรัก หรือรู้สึกว่าตัวเองเริ่มที่จะรักใครซักคน ลองถามตัวเองดูว่า คุณใส่ใจเค้ามากน้อยแค่ไหน?
ความใส่ใจ ไม่ใช่ ความเอาใจ
หากคนรักของคุณจำได้ขึ้นใจว่า คุณเคยพูดว่าอยากได้อะไร แล้วเค้าหาซื้อของชิ้นนั้นให้ ไม่ใช่สักแต่ว่าซื้อซื้อซื้อของเยอะแยะมากมาย เพื่อเอาใจ...
นั่นแหละถึงเรียกว่า ความใส่ใจ ความใส่ใจ ไม่ใช่ ความหึงหวง หากคนรักของคุณโทรหาคุณทุกคืน ถามว่ากลับถึงบ้านหรือยัง เพียงเพราะเค้าเป็นห่วง ไม่ต้องการให้คุณได้รับอันตรายในยามดึก ไม่ใช่กลัวว่าคุณจะไปกับคนอื่น... นั่นแหละเรียกว่าความใส่ใจ
ความใส่ใจ ไม่ใช่ ความมีน้ำใจอย่างเดียว หากแต่มีความถนอมน้ำใจด้วย หากคนรักของคุณทำอะไรเพื่อคุณซักอย่างด้วยความตั้งใจ แต่คุณกลับไม่ชอบมัน คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะพูดอะไรออกไป ใส่ใจในความรู้สึกของเค้าด้วย
หากคุณทะเลาะกับคนรัก แต่แล้ววันรุ่งขึ้น คนรักของคุณยังโทรมา แสดงความเป็นห่วงในเรื่องต่างๆ เหมือนทุกๆวัน ทั้งๆที่ยังไม่หายโกรธ... นั่นแหละเรียกว่าความใส่ใจ
หากคนรักของคุณยอมสละเวลาทำบางสิ่ง เอาไว้ทีหลัง เพียงเพื่อช่วยทำในสิ่งที่คุณขอ...นั่นแหละเรียกว่า ความใส่ใจ คนเราบางครั้งก็ต้องการมีใครซักคนคอยใส่ใจเราบ้าง
หากคุณต้องเดินทางไกล มันจะรู้สึกดีเอามากๆถ้าคนรักของคุณโทรมาถามว่า “ถึงหรือยัง” “ปลอดภัยดีไหม” “เหนื่อยไหม”
หากคุณต้องปฏิบัติภาระกิจสำคัญ ไม่ว่าจะเรื่องงาน หรือเรื่องเรียน มันจะรู้สึกดีเอามากๆ ถ้าคนรักของคุณจำได้ และโทรมาบอกว่า “โชคดีนะ” “ชั้นจะคอยเป็นกำลังใจให้ “
หากคุณต้องขับรถคนเดียว มันจะรู้สึกดีเอามากๆ ถ้าคนรักของคุณโทรมาบอกว่า “ขับรถดีๆนะ” หากคุณป่วยเป็นไข้ ไม่สบาย มันจะรู้สึกดีเอามากๆ ถ้าคนรักของคุณโทรมาเตือนให้คุณกินยา และพักผ่อนมากๆ
ความใส่ใจ กับ ความเกรงใจ คล้ายกันในหลายๆด้าน คุณอาจคิดว่า ยิ่งคบกันสนิทสนมกันมากเท่าไหร่
ก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันให้มากเหมือนคนที่เพิ่งเริ่มรู้จักกัน
แต่ผมกลับไม่คิดอย่างนั้น ยิ่งสนิทกันมากเท่าไหร่ ต้องยิ่งเกรงใจซึ่งกันและกัน
ความเกรงใจเป็นสิ่งดี และเป็นบ่อเกิดของความสัมพันธ์อันยั่งยืน คุณเห็นไหมล่ะว่า ไม่ยากเลยที่จะแสดงความใส่ใจต่อใครซักคน
หากคุณคิดที่จะบอกรัก หรือรู้สึกว่าตัวเองเริ่มที่จะรักใครซักคน ลองถามตัวเองดูว่า คุณใส่ใจเค้ามากน้อยแค่ไหน?
ความใส่ใจ ไม่ใช่ ความเอาใจ
หากคนรักของคุณจำได้ขึ้นใจว่า คุณเคยพูดว่าอยากได้อะไร แล้วเค้าหาซื้อของชิ้นนั้นให้ ไม่ใช่สักแต่ว่าซื้อซื้อซื้อของเยอะแยะมากมาย เพื่อเอาใจ...
นั่นแหละถึงเรียกว่า ความใส่ใจ ความใส่ใจ ไม่ใช่ ความหึงหวง หากคนรักของคุณโทรหาคุณทุกคืน ถามว่ากลับถึงบ้านหรือยัง เพียงเพราะเค้าเป็นห่วง ไม่ต้องการให้คุณได้รับอันตรายในยามดึก ไม่ใช่กลัวว่าคุณจะไปกับคนอื่น... นั่นแหละเรียกว่าความใส่ใจ
ความใส่ใจ ไม่ใช่ ความมีน้ำใจอย่างเดียว หากแต่มีความถนอมน้ำใจด้วย หากคนรักของคุณทำอะไรเพื่อคุณซักอย่างด้วยความตั้งใจ แต่คุณกลับไม่ชอบมัน คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะพูดอะไรออกไป ใส่ใจในความรู้สึกของเค้าด้วย
หากคุณทะเลาะกับคนรัก แต่แล้ววันรุ่งขึ้น คนรักของคุณยังโทรมา แสดงความเป็นห่วงในเรื่องต่างๆ เหมือนทุกๆวัน ทั้งๆที่ยังไม่หายโกรธ... นั่นแหละเรียกว่าความใส่ใจ
หากคนรักของคุณยอมสละเวลาทำบางสิ่ง เอาไว้ทีหลัง เพียงเพื่อช่วยทำในสิ่งที่คุณขอ...นั่นแหละเรียกว่า ความใส่ใจ คนเราบางครั้งก็ต้องการมีใครซักคนคอยใส่ใจเราบ้าง
หากคุณต้องเดินทางไกล มันจะรู้สึกดีเอามากๆถ้าคนรักของคุณโทรมาถามว่า “ถึงหรือยัง” “ปลอดภัยดีไหม” “เหนื่อยไหม”
หากคุณต้องปฏิบัติภาระกิจสำคัญ ไม่ว่าจะเรื่องงาน หรือเรื่องเรียน มันจะรู้สึกดีเอามากๆ ถ้าคนรักของคุณจำได้ และโทรมาบอกว่า “โชคดีนะ” “ชั้นจะคอยเป็นกำลังใจให้ “
หากคุณต้องขับรถคนเดียว มันจะรู้สึกดีเอามากๆ ถ้าคนรักของคุณโทรมาบอกว่า “ขับรถดีๆนะ” หากคุณป่วยเป็นไข้ ไม่สบาย มันจะรู้สึกดีเอามากๆ ถ้าคนรักของคุณโทรมาเตือนให้คุณกินยา และพักผ่อนมากๆ
ความใส่ใจ กับ ความเกรงใจ คล้ายกันในหลายๆด้าน คุณอาจคิดว่า ยิ่งคบกันสนิทสนมกันมากเท่าไหร่
ก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจกันให้มากเหมือนคนที่เพิ่งเริ่มรู้จักกัน
แต่ผมกลับไม่คิดอย่างนั้น ยิ่งสนิทกันมากเท่าไหร่ ต้องยิ่งเกรงใจซึ่งกันและกัน
ความเกรงใจเป็นสิ่งดี และเป็นบ่อเกิดของความสัมพันธ์อันยั่งยืน คุณเห็นไหมล่ะว่า ไม่ยากเลยที่จะแสดงความใส่ใจต่อใครซักคน
ความห่างไกล - วัดความผูกพัน
มีคนบอกว่า ... ฟ้าดินลงโทษเขาให้ห่างไกลกับคนรัก
ฉันกลับคิดว่า ... ฟ้าดินกำลังสงสัยคู่นี้ว่า
... เขารักกันจริงหรือป่าวต่างหาก ...
เลยทดสอบโดยแยกคนนึงไปทาง ... อีกคนไปทาง
คงมีใครบางคนมีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ
ถ้าเราคิดว่ามันเป็นการทดสอบว่าเราเลือกถูกคนรึป่าว
ความห่างไกล ... จะเป็นตัววัดปริมาณความผูกพันที่เรามีต่อกัน
ถ้าเรายังรู้สึกเหมือนเดิม...แถมยังเพิ่มความห่วงใย ... ความคิดถึง ...
นั่นคือเรามีความรักที่แท้จริงให้เค้า ... เราสอบผ่าน ...
แต่ถ้าเขาเปลี่ยนแปลงไป ... แรก ๆ ก็ติดต่อกันถี่หน่อย ... หลัง ๆ เริ่มห่างหาย
เค้าสอบตก ... ก็ในเมื่อปริมาณความผูกพันของเค้ามันมีไม่เพียงพอ
เราน่าจะภูมิใจในตัวเอง ... ที่เราได้เลื่อนชั้นขึ้นไป ... แม้มีใครจะสอบตก
ถ้าเค้าอยากจะขึ้นมาอยู่ข้างเรา... เค้าต้องเร่งให้สอบผ่านบททดสอบนี้ ...
แล้วก้าวขึ้นมาอยู่ข้างเราเอง ...
ถ้าเค้าไม่ผ่าน ... ก็ถือว่าเป็นบุญ ...
ที่ฟ้าดินได้คัดคนโง่ ... ออกไปจากเราแล้ว ...
ฉันกลับคิดว่า ... ฟ้าดินกำลังสงสัยคู่นี้ว่า
... เขารักกันจริงหรือป่าวต่างหาก ...
เลยทดสอบโดยแยกคนนึงไปทาง ... อีกคนไปทาง
คงมีใครบางคนมีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ
ถ้าเราคิดว่ามันเป็นการทดสอบว่าเราเลือกถูกคนรึป่าว
ความห่างไกล ... จะเป็นตัววัดปริมาณความผูกพันที่เรามีต่อกัน
ถ้าเรายังรู้สึกเหมือนเดิม...แถมยังเพิ่มความห่วงใย ... ความคิดถึง ...
นั่นคือเรามีความรักที่แท้จริงให้เค้า ... เราสอบผ่าน ...
แต่ถ้าเขาเปลี่ยนแปลงไป ... แรก ๆ ก็ติดต่อกันถี่หน่อย ... หลัง ๆ เริ่มห่างหาย
เค้าสอบตก ... ก็ในเมื่อปริมาณความผูกพันของเค้ามันมีไม่เพียงพอ
เราน่าจะภูมิใจในตัวเอง ... ที่เราได้เลื่อนชั้นขึ้นไป ... แม้มีใครจะสอบตก
ถ้าเค้าอยากจะขึ้นมาอยู่ข้างเรา... เค้าต้องเร่งให้สอบผ่านบททดสอบนี้ ...
แล้วก้าวขึ้นมาอยู่ข้างเราเอง ...
ถ้าเค้าไม่ผ่าน ... ก็ถือว่าเป็นบุญ ...
ที่ฟ้าดินได้คัดคนโง่ ... ออกไปจากเราแล้ว ...
หัวใจกับความรัก
แล้ววันหนึ่งเราก็พบว่า เพียงแค่มีบางสิ่ง..... ชีวิตก็มีความหมายแล้ว..... มนุษย์เกิดขึ้นมาท่ามกลางความโดดเดี่ยว พร้อมด้วยหัวใจคนละ 1 ดวง เมื่อมนุษย์ 2 คน มาพบกัน เราจึงเรียนรู้ว่า...... 1 + 1 อาจจะยัง คงเท่ากับ 1
แต่ความโดดเดี่ยวนั้นหายไป..... ที่เล็ก ๆ ขนาดไม่ใหญ่โตไปกว่ากำปั้น ที่ทำให้เราอยู่รวมกันบนโลกใบนี้ อวัยวะที่สะกดด้วยอักษรง่าย ๆ ใช้แทนคำว่า "รัก" ได้เป็นอย่างดี
ความรัก ที่ประทับใจขอเก็บไว้ในใจแล้วอมยิ้มนะ
ความรัก ที่ไม่ประทับใจขอเก็บไว้เป็นประสบการณ์
ความรัก ที่ทำเพื่อผู้อื่นเป็นความภูมิใจแบบเก็บไว้เอง
ความรัก ที่ทำเพื่อตัวเองนั่นไม่เรียกว่ารัก
ความรัก ที่คุณเจอในอดีตขอให้เป็นความทรงจำที่แสนดี
ความรัก ที่คุณเจอในปัจจุบันขอให้สมหวังกันทุกคน
ความรัก ที่คุณจะเจอในอนาคตขอให้.....อธิษฐานกันเอาเองนะ
"ถ้าอ๊อกซิเจนทำชีวิตนี้ดำรงอยู่ได้ ความรักก็ทำให้การมีชีวิตนั้นมีความหมายมากยิ่งขึ้น"
เคยมั้ยที่จะมี..... คุณเคยมีคนแบบนี้ที่ไม่ใช่พ่อแม่พี่น้องหรือยัง...? ตอบตัวเองให้ได้ว่าใคร...
เคยมั้ยที่จะมี... คนให้อภัยคุณทุกอย่าง -
เคยมั้ยที่จะมี... คนอยู่เคียงข้างคุณเวลาที่คุณเสียใจ -
เคยมั้ยที่จะมี... คนจดจำความเป็นคุณได้ทุกอย่าง -
เคยมั้ยที่จะมี... คนยอมเสียสิ่งที่รักเพื่อคุณ -
เคยมั้ยที่จะมี... คนเห็นคุณสำคัญกว่าเพื่อน -
เคยมั้ยที่จะมี... คนที่คุณอยู่ด้วยเฉย ๆ แล้วมีความสุข -
เคยมั้ยที่จะมี... คนที่มั่นใจในคำว่ารักของคุณ -
เคยมั้ยที่จะมี...ไม่อายเมื่อเดินข้างคุณ แม้คุณหน้าตาไม่ดีก็ตาม -
เคยมั้ยที่จะมี... คนที่ทนคุณได้ไม่ว่า คุณจะด่า จะว่า เค้ายังไง -
เคยมั้ยที่จะมี... คนรับได้ในสิ่งที่คุณเป็นไม่ว่าจะมีคนมาว่าร้ายคุณยังไง
เคยมั้ยที่จะมี... คนที่เห็นความผิดของคุณเป็นเรื่องน่ารัก -
เคยมั้ยที่จะมี... คนที่คุณอยากตื่นมาแล้วก็เจอ -
เคยมั้ยที่จะมี... คนที่คุณคิดถึงเค้า แม้ว่าคุณไม่เหงาก็ตาม -
เคยมั้ยที่จะมี... คนที่คุณคิดถึงคนแรก เมื่อคุณทุกข์ใจ -
เคยมั้ยที่จะมี... คนที่คุณรู้ว่า เค้าช่วยให้คุณสบายใจได้ -
เคยมั้ยที่จะมี... คนแคร์คุณมากมาย ไม่ว่าคุณจะทำร้ายเค้ายังไง -
เคยมั้ยที่จะมี... คนที่รับรู้ตัวตนที่แท้จริงของคุณ -
เคยมั้ยที่จะมี... คนที่ยังรักคุณแม้คุณไม่เห้นความสำคัญของเค้าเลย
ถ้าคุณเคยมีเค้าคนนี้อยู่จริง คุณควรถนอมเค้าไว้ให้ดี ถ้าคุณสูญเสียเค้าไปคุณเองที่จะเป็นคนเสียใจ ... ความหมายของหัวใจ เราอาจจะหาความหมายของทุกสิ่งมาตลอดชีวิต แล้ววันหนึ่งเราก็พบว่า เพียงแค่มีบางสิ่ง ..... ชีวิตก็มีความหมายแล้ว .....
แต่ความโดดเดี่ยวนั้นหายไป..... ที่เล็ก ๆ ขนาดไม่ใหญ่โตไปกว่ากำปั้น ที่ทำให้เราอยู่รวมกันบนโลกใบนี้ อวัยวะที่สะกดด้วยอักษรง่าย ๆ ใช้แทนคำว่า "รัก" ได้เป็นอย่างดี
ความรัก ที่ประทับใจขอเก็บไว้ในใจแล้วอมยิ้มนะ
ความรัก ที่ไม่ประทับใจขอเก็บไว้เป็นประสบการณ์
ความรัก ที่ทำเพื่อผู้อื่นเป็นความภูมิใจแบบเก็บไว้เอง
ความรัก ที่ทำเพื่อตัวเองนั่นไม่เรียกว่ารัก
ความรัก ที่คุณเจอในอดีตขอให้เป็นความทรงจำที่แสนดี
ความรัก ที่คุณเจอในปัจจุบันขอให้สมหวังกันทุกคน
ความรัก ที่คุณจะเจอในอนาคตขอให้.....อธิษฐานกันเอาเองนะ
"ถ้าอ๊อกซิเจนทำชีวิตนี้ดำรงอยู่ได้ ความรักก็ทำให้การมีชีวิตนั้นมีความหมายมากยิ่งขึ้น"
เคยมั้ยที่จะมี..... คุณเคยมีคนแบบนี้ที่ไม่ใช่พ่อแม่พี่น้องหรือยัง...? ตอบตัวเองให้ได้ว่าใคร...
เคยมั้ยที่จะมี... คนให้อภัยคุณทุกอย่าง -
เคยมั้ยที่จะมี... คนอยู่เคียงข้างคุณเวลาที่คุณเสียใจ -
เคยมั้ยที่จะมี... คนจดจำความเป็นคุณได้ทุกอย่าง -
เคยมั้ยที่จะมี... คนยอมเสียสิ่งที่รักเพื่อคุณ -
เคยมั้ยที่จะมี... คนเห็นคุณสำคัญกว่าเพื่อน -
เคยมั้ยที่จะมี... คนที่คุณอยู่ด้วยเฉย ๆ แล้วมีความสุข -
เคยมั้ยที่จะมี... คนที่มั่นใจในคำว่ารักของคุณ -
เคยมั้ยที่จะมี...ไม่อายเมื่อเดินข้างคุณ แม้คุณหน้าตาไม่ดีก็ตาม -
เคยมั้ยที่จะมี... คนที่ทนคุณได้ไม่ว่า คุณจะด่า จะว่า เค้ายังไง -
เคยมั้ยที่จะมี... คนรับได้ในสิ่งที่คุณเป็นไม่ว่าจะมีคนมาว่าร้ายคุณยังไง
เคยมั้ยที่จะมี... คนที่เห็นความผิดของคุณเป็นเรื่องน่ารัก -
เคยมั้ยที่จะมี... คนที่คุณอยากตื่นมาแล้วก็เจอ -
เคยมั้ยที่จะมี... คนที่คุณคิดถึงเค้า แม้ว่าคุณไม่เหงาก็ตาม -
เคยมั้ยที่จะมี... คนที่คุณคิดถึงคนแรก เมื่อคุณทุกข์ใจ -
เคยมั้ยที่จะมี... คนที่คุณรู้ว่า เค้าช่วยให้คุณสบายใจได้ -
เคยมั้ยที่จะมี... คนแคร์คุณมากมาย ไม่ว่าคุณจะทำร้ายเค้ายังไง -
เคยมั้ยที่จะมี... คนที่รับรู้ตัวตนที่แท้จริงของคุณ -
เคยมั้ยที่จะมี... คนที่ยังรักคุณแม้คุณไม่เห้นความสำคัญของเค้าเลย
ถ้าคุณเคยมีเค้าคนนี้อยู่จริง คุณควรถนอมเค้าไว้ให้ดี ถ้าคุณสูญเสียเค้าไปคุณเองที่จะเป็นคนเสียใจ ... ความหมายของหัวใจ เราอาจจะหาความหมายของทุกสิ่งมาตลอดชีวิต แล้ววันหนึ่งเราก็พบว่า เพียงแค่มีบางสิ่ง ..... ชีวิตก็มีความหมายแล้ว .....
วันพุธ, มกราคม 26
นิยามรัก นักคอมพิวเตอร์
รัก...เหมือนดั่ง ราคา SDRAM ที่พันทิพย์ตอนนี้ แปรผันขึ้นลงตลอด ไม่คงที่แน่นอน
รัก...เหมือนดั่ง ปาล์ม(Palm) อยากมีเธอไว้ติดตัวไปทุกที่
รัก...เหมือนดั่ง Intel Pentium !!! Coppermine หากไม่ปรับตัวใช้ M/B หรือ Slocket รุ่นใหม่ คงเข้ากับเธอไม่ได้
รัก...เหมือนดั่ง Roadmap ราคาของ CPU ซึ่งเธอมีให้ฉันน้อยลงไปทุกที
รัก...เหมือนกับ Internet Explorer 5 Full ที่มีปัญหา Low Resource เป็นประจำ
รัก...เหมือนกับ Online บ้างก็ busy บ้างก็ easy
รัก...เหมือนเขียน Java Script ที่ละเอียดอ่อน ผิดแม้นิดเดียวก็ Error
รัก...เหมือนดัง Ink-jet Printer เปลืองน้ำหมึกและเสียบ่อย ดั่งรักที่รวนเร
รัก...เหมือน not enough memory แม้ทำทุกอย่างเพื่อเธอ ก็ไม่เพียงพอ
รัก...เหมือน Handy scanner...คงไม่สามารถสแกนหัวใจ A4 ของเธอได้
รัก...เหมือน 4.5 MOD 3 หารกันไม่ได้ เพราะเราไม่เข้าใจกัน
รัก...เหมือน Compile..Error!! เธอไม่เคยเข้าใจ ไม่ตอบสนอง
รัก...เหมือน Sub-Directories มีมากมายแด่ใครๆ จนฉันหา file หัวใจเธอไม่พบ
รัก...เหมือน Power Supply ที่จ่ายไปเลี้ยงหัวใจเธออย่างเพียงพอ
รัก...เหมือนกับ พัดลมระบายความร้อน ช่วยทำให้เธอเย็นสบาย คลายร้อน
รัก...เหมือนกับ Peltier ช่วยทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายหายร้อนแรง 8^P
รัก...เหมือน UPS แม้จะเกิดอะไร ใจฉันยังมั่นคงที่จะจ่ายไฟ เพื่อมีเวลา Save หัวใจ
รัก...เหมือนเสียง Modem ตอน Connect ติด ช่างสุขใจเหมือนได้ยินเสียงเธอ
รัก...เหมือน Microsoft Windows 9x พร้อมจะพังทลาย(เจ๊ง)โดยไม่มีวี่แววมาก่อน
รัก...เหมือน อาการ Access Violation ไม่ยอมบอกเหตุผล แต่ก็ไม่ยอมให้แก้ตัว
รัก...เหมือน ภาษา Assembly ทำให้เธออย่างยากลำบากทั้งที่ผลที่ได้รับเพียงน้อยนิด
รัก...เหมือน Logitech Mouse คงทน มั่นคง
รัก...เหมือน Light Pen มักจะไม่ลงรอยกันง่ายๆ (ชี้ที่นึง Cursor ไปโผล่อีกที่นึง)
รัก...เหมือน สาย Lan Coaxial ต้องรักษาไว้ให้ดีอย่าให้หลุดลอยไป (โยงออกนอกตึกทีไรฟ้าผ่าทุกที)
รัก...เหมือน Printer Epson FX800 เพียงครู่เดียวก็ร้อนแรง (หัวพิมพ์ไหม้)
รัก...เหมือน VR-headgear เมื่อมีเธอเราก็อยู่ในโลกของเราด้วยกันเพียงสองคน...
รัก...เหมือน file corrupted อยู่ดีๆเธอก็เปลี่ยนไป
รัก...เหมือน A)bort R)etry I)gnore only 3 choices จะเลิกจะฝืนหรือจะอยู่แบบซังกะตาย
รัก...เหมือน Your program has perfromed an illegal opertaion and will be shut down ว้าทำไม่ถูกใจเธอซักที
รัก...เหมือน Error 404 Objected not found ไขว่คว้าหาตัวตนไม่ได้
รัก...เหมือน Error 403 Access Forbidden ถ้าไม่รู้ password ของใจเธอก็อย่าหวังซะดีกว่า
รัก...เหมือน IBM Labtop (for Hi-so girls) หมดตัวก่อนที่จะได้มา
รัก...เหมือน 486DX2-66 ฉันคงให้เธอได้เพียงเท่านี้ สักวันเธอคงทิ้งฉันไปหาคนที่ดีกว่า
รัก...เหมือน If....Then....Else เธอชอบสร้างเงื่อนไงในความรักจนฉันไม่รู้จะทำเช่นไร
รัก...เหมือนกำหนด Boolean=False ดังเธอปิดใจ ไม่เปิดให้ใครคนใหม่
รัก...เหมือนดั่งหนังสือ Com แรกๆก็ชื่นชมอยากชิดใกล้สุดท้ายก็เบื่อและถูกทอดทิ้ง
รัก...เหมือนสร้าง HomePage.... เมื่อมองภายนอกดูสวยงาม แต่แฝงไปด้วยภาษาJava ที่ซับซ้อนดั่งหัวใจเธอ...ที่ฉันไม่สามารถมองเห็นหรือเข้าใจ...ส่วนลึกของ หัวใจเธอได้
รัก...เหมือน UnderCostruction!! ปีแล้วปีเล่าเธอก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลง...
รัก...เหมือนกับ Harddisk ถ้าติด Virus(HIV) คงต้อง format ใหม่ลูกเดียว
รัก...เหมือนกับจอมอนิเตอร์ ทำให้คนตาบอด (สายตาสั้น..ตาเอียง...)
รัก...เหมือนกับ RAM ขาดไฟเลี้ยง ความจำก็ถูกลบ
รัก...เหมือนกับ Software ถ้าจะเอาแบบถูกลิขสิทธิ์ ราคาก็แพงหน่อย (หรือไม่หน่อย)
รัก...เหมือนการกลิ้งเม้าส์ ต่อให้กลิ้งมากขนาดไหน ก็ไม่เคยออกนอกจอเลย
สุดท้าย รัก...เหมือนกับ เครื่องคอมพิวเตอร์อัปเกรตไปทีไร พอเวลาผ่านไปไม่เคยพอใจเลยสักที
รัก...เหมือนดั่ง ปาล์ม(Palm) อยากมีเธอไว้ติดตัวไปทุกที่
รัก...เหมือนดั่ง Intel Pentium !!! Coppermine หากไม่ปรับตัวใช้ M/B หรือ Slocket รุ่นใหม่ คงเข้ากับเธอไม่ได้
รัก...เหมือนดั่ง Roadmap ราคาของ CPU ซึ่งเธอมีให้ฉันน้อยลงไปทุกที
รัก...เหมือนกับ Internet Explorer 5 Full ที่มีปัญหา Low Resource เป็นประจำ
รัก...เหมือนกับ Online บ้างก็ busy บ้างก็ easy
รัก...เหมือนเขียน Java Script ที่ละเอียดอ่อน ผิดแม้นิดเดียวก็ Error
รัก...เหมือนดัง Ink-jet Printer เปลืองน้ำหมึกและเสียบ่อย ดั่งรักที่รวนเร
รัก...เหมือน not enough memory แม้ทำทุกอย่างเพื่อเธอ ก็ไม่เพียงพอ
รัก...เหมือน Handy scanner...คงไม่สามารถสแกนหัวใจ A4 ของเธอได้
รัก...เหมือน 4.5 MOD 3 หารกันไม่ได้ เพราะเราไม่เข้าใจกัน
รัก...เหมือน Compile..Error!! เธอไม่เคยเข้าใจ ไม่ตอบสนอง
รัก...เหมือน Sub-Directories มีมากมายแด่ใครๆ จนฉันหา file หัวใจเธอไม่พบ
รัก...เหมือน Power Supply ที่จ่ายไปเลี้ยงหัวใจเธออย่างเพียงพอ
รัก...เหมือนกับ พัดลมระบายความร้อน ช่วยทำให้เธอเย็นสบาย คลายร้อน
รัก...เหมือนกับ Peltier ช่วยทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายหายร้อนแรง 8^P
รัก...เหมือน UPS แม้จะเกิดอะไร ใจฉันยังมั่นคงที่จะจ่ายไฟ เพื่อมีเวลา Save หัวใจ
รัก...เหมือนเสียง Modem ตอน Connect ติด ช่างสุขใจเหมือนได้ยินเสียงเธอ
รัก...เหมือน Microsoft Windows 9x พร้อมจะพังทลาย(เจ๊ง)โดยไม่มีวี่แววมาก่อน
รัก...เหมือน อาการ Access Violation ไม่ยอมบอกเหตุผล แต่ก็ไม่ยอมให้แก้ตัว
รัก...เหมือน ภาษา Assembly ทำให้เธออย่างยากลำบากทั้งที่ผลที่ได้รับเพียงน้อยนิด
รัก...เหมือน Logitech Mouse คงทน มั่นคง
รัก...เหมือน Light Pen มักจะไม่ลงรอยกันง่ายๆ (ชี้ที่นึง Cursor ไปโผล่อีกที่นึง)
รัก...เหมือน สาย Lan Coaxial ต้องรักษาไว้ให้ดีอย่าให้หลุดลอยไป (โยงออกนอกตึกทีไรฟ้าผ่าทุกที)
รัก...เหมือน Printer Epson FX800 เพียงครู่เดียวก็ร้อนแรง (หัวพิมพ์ไหม้)
รัก...เหมือน VR-headgear เมื่อมีเธอเราก็อยู่ในโลกของเราด้วยกันเพียงสองคน...
รัก...เหมือน file corrupted อยู่ดีๆเธอก็เปลี่ยนไป
รัก...เหมือน A)bort R)etry I)gnore only 3 choices จะเลิกจะฝืนหรือจะอยู่แบบซังกะตาย
รัก...เหมือน Your program has perfromed an illegal opertaion and will be shut down ว้าทำไม่ถูกใจเธอซักที
รัก...เหมือน Error 404 Objected not found ไขว่คว้าหาตัวตนไม่ได้
รัก...เหมือน Error 403 Access Forbidden ถ้าไม่รู้ password ของใจเธอก็อย่าหวังซะดีกว่า
รัก...เหมือน IBM Labtop (for Hi-so girls) หมดตัวก่อนที่จะได้มา
รัก...เหมือน 486DX2-66 ฉันคงให้เธอได้เพียงเท่านี้ สักวันเธอคงทิ้งฉันไปหาคนที่ดีกว่า
รัก...เหมือน If....Then....Else เธอชอบสร้างเงื่อนไงในความรักจนฉันไม่รู้จะทำเช่นไร
รัก...เหมือนกำหนด Boolean=False ดังเธอปิดใจ ไม่เปิดให้ใครคนใหม่
รัก...เหมือนดั่งหนังสือ Com แรกๆก็ชื่นชมอยากชิดใกล้สุดท้ายก็เบื่อและถูกทอดทิ้ง
รัก...เหมือนสร้าง HomePage.... เมื่อมองภายนอกดูสวยงาม แต่แฝงไปด้วยภาษาJava ที่ซับซ้อนดั่งหัวใจเธอ...ที่ฉันไม่สามารถมองเห็นหรือเข้าใจ...ส่วนลึกของ หัวใจเธอได้
รัก...เหมือน UnderCostruction!! ปีแล้วปีเล่าเธอก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลง...
รัก...เหมือนกับ Harddisk ถ้าติด Virus(HIV) คงต้อง format ใหม่ลูกเดียว
รัก...เหมือนกับจอมอนิเตอร์ ทำให้คนตาบอด (สายตาสั้น..ตาเอียง...)
รัก...เหมือนกับ RAM ขาดไฟเลี้ยง ความจำก็ถูกลบ
รัก...เหมือนกับ Software ถ้าจะเอาแบบถูกลิขสิทธิ์ ราคาก็แพงหน่อย (หรือไม่หน่อย)
รัก...เหมือนการกลิ้งเม้าส์ ต่อให้กลิ้งมากขนาดไหน ก็ไม่เคยออกนอกจอเลย
สุดท้าย รัก...เหมือนกับ เครื่องคอมพิวเตอร์อัปเกรตไปทีไร พอเวลาผ่านไปไม่เคยพอใจเลยสักที
สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด มักเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญที่สุด
สิ่งที่เราเห็นอยู่ทุกวัน เราก้อคิดอยู่ว่าเราก้อต้องเห็นอยู่แบบนั้นต่อไป ไม่เคยคิดว่าสิ่งนี้มันสำคัญ ไม่เคยเห็นแม้แต่ค่า
เหมือนกับการที่เราเห็นหน้าใครอยู่ทุกวัน คนๆนั้นวิ่งตามเราอยู่ทุกวัน ใส่ใจเราอยู่ทุกวัน เราก้อมักจะเห็นแค่ว่าใครคนนึงกำลังทำอะไรที่ดูงี่เง่า น่ารำคาญ
จนวันนึงถ้าเราสูญเสียไป เราก้ออาจจะรู้สึกเสียใจบ้าง เราอาจจะต้องการเรียกร้องให้มาเหมือนเดิม
หรือบางทีเราก้ออาจจะรู้สึกว่าดีใจที่ได้มีชีวิตที่ปราศจากความรำคาญ แต่จะมีใครที่เคยรู้สึกถึง ความรู้สึกของคนที่ให้อยู่บ้าง
บางทีสิ่งที่เขาทำอยู่อาจไม่ได้ตั้งใจจะให้คุณรำคาญ แต่เขาทำไปเพราะเขารักคุณจริงๆ เหมือนความรักของพ่อแม่ เหมือนความรักของเพื่อนสนิทของคุณ เหมือนความรักของใครอีกหลายคนที่ให้คุณด้วยความจริงใจ
คุณเคยคิดว่าสิ่งเหล่านี้สำคัญบ้างไหม คุณเคยคิดว่าคุณดูแลพวกเขาดีพอรึยัง คุณให้ความสำคัญกับคนถูกหรือเปล่า คุณให้ความสำคัญกับคนที่ให้วัตถุคุณมากกว่าความรู้สึกที่ดีหรือเปล่า
สิ่งที่สำคัญมักมองไม่เห็นด้วยตา แต่ต้องมองด้วยหัวใจ
แต่เรามักไม่มีเวลาพอที่จะใช้หัวใจมอง เรามองอะไรแค่ฉาบฉวยแล้วก็ตัดสิน เรามองดูความรวยความจนของคนที่สิ่งของที่เขาใช้ เรามองความดีของคนตรงที่เขาแสดงให้เราเห็น เรามองอะไรหลายอย่างด้วยตา แล้วเราก้อตัดสินคนเพียงแค่เวลาไม่เกิน 5 นาที
เราต้องสูญเสียมิตรที่ดีไปเพียงเพราะเราอ้างว่าไม่มีเวลา
เราไม่มีเวลาก็ต่อเมื่อเราไม่สนใจ เราไม่ให้ความสำคัญต่อสิ่งนั้น ต่อคนๆนั้น
แต่ถ้าลองมองย้อนดู ทำไมเราถึงมีเวลาทำอะไรมากมายหลายอย่างในแต่ละวัน
เพราะเราให้ความสนใจ ให้ความสำคัญ
ทำไมคุณไม่ลองให้ความสำคัญกับสิ่งที่คุณลืมไป กับคนที่หวังดีกับคุณแต่คุณไม่เคยมอง
อย่าปล่อยให้มิตรภาพดีๆต้องมีรอยร้าว เพราะเมื่อวันนึงถ้าต่างคนต่างไป
เราจะได้จากกันด้วยความรู้สึกที่ดี เราจะได้ไม่รู้สึกผิดว่า เรายังทำดีกับเขาไม่เพียงพอ
เหมือนกับการที่เราเห็นหน้าใครอยู่ทุกวัน คนๆนั้นวิ่งตามเราอยู่ทุกวัน ใส่ใจเราอยู่ทุกวัน เราก้อมักจะเห็นแค่ว่าใครคนนึงกำลังทำอะไรที่ดูงี่เง่า น่ารำคาญ
จนวันนึงถ้าเราสูญเสียไป เราก้ออาจจะรู้สึกเสียใจบ้าง เราอาจจะต้องการเรียกร้องให้มาเหมือนเดิม
หรือบางทีเราก้ออาจจะรู้สึกว่าดีใจที่ได้มีชีวิตที่ปราศจากความรำคาญ แต่จะมีใครที่เคยรู้สึกถึง ความรู้สึกของคนที่ให้อยู่บ้าง
บางทีสิ่งที่เขาทำอยู่อาจไม่ได้ตั้งใจจะให้คุณรำคาญ แต่เขาทำไปเพราะเขารักคุณจริงๆ เหมือนความรักของพ่อแม่ เหมือนความรักของเพื่อนสนิทของคุณ เหมือนความรักของใครอีกหลายคนที่ให้คุณด้วยความจริงใจ
คุณเคยคิดว่าสิ่งเหล่านี้สำคัญบ้างไหม คุณเคยคิดว่าคุณดูแลพวกเขาดีพอรึยัง คุณให้ความสำคัญกับคนถูกหรือเปล่า คุณให้ความสำคัญกับคนที่ให้วัตถุคุณมากกว่าความรู้สึกที่ดีหรือเปล่า
สิ่งที่สำคัญมักมองไม่เห็นด้วยตา แต่ต้องมองด้วยหัวใจ
แต่เรามักไม่มีเวลาพอที่จะใช้หัวใจมอง เรามองอะไรแค่ฉาบฉวยแล้วก็ตัดสิน เรามองดูความรวยความจนของคนที่สิ่งของที่เขาใช้ เรามองความดีของคนตรงที่เขาแสดงให้เราเห็น เรามองอะไรหลายอย่างด้วยตา แล้วเราก้อตัดสินคนเพียงแค่เวลาไม่เกิน 5 นาที
เราต้องสูญเสียมิตรที่ดีไปเพียงเพราะเราอ้างว่าไม่มีเวลา
เราไม่มีเวลาก็ต่อเมื่อเราไม่สนใจ เราไม่ให้ความสำคัญต่อสิ่งนั้น ต่อคนๆนั้น
แต่ถ้าลองมองย้อนดู ทำไมเราถึงมีเวลาทำอะไรมากมายหลายอย่างในแต่ละวัน
เพราะเราให้ความสนใจ ให้ความสำคัญ
ทำไมคุณไม่ลองให้ความสำคัญกับสิ่งที่คุณลืมไป กับคนที่หวังดีกับคุณแต่คุณไม่เคยมอง
อย่าปล่อยให้มิตรภาพดีๆต้องมีรอยร้าว เพราะเมื่อวันนึงถ้าต่างคนต่างไป
เราจะได้จากกันด้วยความรู้สึกที่ดี เราจะได้ไม่รู้สึกผิดว่า เรายังทำดีกับเขาไม่เพียงพอ
10 สื่อแทนคำว่ารัก
1. กลิ่นรักลอยลม :
ขึ้นชื่อว่าผู้หญิง ยังไงเธอก็เต็มใจเทคะแนนให้ชายคนรักที่ไม่ยอมต้องเปิดปากเอ่ยคำ รัก วันยังค่ำ หากสิ่งที่คุณหยิบยื่นให้เธอแทนคำพูดนั่น คือ ดอกไม้ วิธีนี้เบสิกก็จริงแต่คงความอมตะนิรันดร์กาล นักรักไม่ว่าชาติไหนๆ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มันได้ผล
2. จี้เพชรแทงใจ :
จะซาบซึ้งแค่ไหนถ้าเธอล่วงรู้ความในใจว่า ทุกเหลี่ยมทุกมุมของเพชรเจียระไนรูปหัวใจ ท ี่คุณมอบให้นั้นแพรวแสงสะท้อนความรู้สึกภายในที่ ประเมินค่ามิได้ออกมาให้เธอรับรู้
3. แว่วหวานเพลงรัก :
พรรณนาความรักผ่านเสียงดนตรีคลาสสิกจากกล่องดนตรีไม้ พร้อมสัมผัสจังหวะแห่งรักจากลีลาการ เต้นรำของความรักเซรามิกกลางฟลอร์ ความหมายนี้เธอไม่ซึ้ง ก็ให้มันรู้ไป
4. ชิมรสชิมรัก :
เลือกทำอาหารจานเด็ดที่คุณแอบซุ่มร่ำเรียนมาจากภัตตาคาร 5 ดาวสักจาน แล้วตั้งชื่อเก๋ๆ ว่า LADY IN MY SWEET DREAM พร้อมเผยสูตร เขียนส่วนผสมพิเศษในเมนูตั้งโต๊ะว่า อาหารจานนี้ปรุงจากความเข้าใจ 3 ส่วน ความอาทร 1 ส่วน ความห่วงใย 2 ส่วน และความไว้ใจอีก 1 ส่วน และอย่าน้อยใจจนทานไม่ลง
5. ย้อนอดีตภาพหวาน :
ทบทวนความจำครั้งเก่าทีละก้าว นับแต่ความรักเริ่มก่อตัวแล้วค่อยๆ เบ่งบานกระทั่งสุกงอม ด้วยการประมวลภาพจัดทำเป็นอัลบั้มคู่รักแห่งปี ให้เธอมองความรักที่คุณมอบให้ ผ่านเรื่องราวเก่าๆ เหล่านั้น
6. สะท้อนเงาความรู้สึก :
ถ้าคุณและเธอมีความเชื่อเดียวกันว่า ความรักเปรียบได้กับกระจกเงา ต่างคนต่างมองเห็นซึ่งกันและกัน คุณสะท้อนภาพของเธอเช่นเดียวกับที่เธอสะท้อนภาพของคุณนั่นแหละ กระจกเงากรอบเหล็ก ดีไซน์รูปหัวใจเก๋ๆ จะสะท้อนภาพของคุณเสมอยามเธอจ้องมอง รับรองว่า เธอมองเห็นความรักของคุณแน่ หากเธอยังรักคุณอยู่!
7. ขับขานเพลงรัก :
เธอคงปลื้มไม่รู้ลืมถ้าได้ฟังเพลงโปรดจากปากของคุณ ขอยืมเพลงหวานๆ จากศิลปินคนไหนก็ได้ที่คิดว่าถูกใจเธอ อย่างเพลง ลมหายใจ ร้องคลอเสียงกีต้าร์อะคูสติก (ฝีมือคุณเอง) เลือกเอาเวอร์ชันช้าๆ เพื่อให้เธอจะได้ซึ้งกับบทเพลง และถือโอกาสนี้โชว์ฝีมือโซโลกีตาร์ไปด้วย เชื่อเถอะว่างานนี้บอยไม่กล้าตามมาทางลิขสิทธิ์แน่นอน
8. หนุนรักหลับฝัน :
ฝันของเธอคืนนั้นจะสวยสดงดงามปานใดเมื่อมีคุณอยู่เคียงทั้งในยามหลับและยาม ตื่น ปลอกหมอนสกรีนหน้าคุณ สีขาว-ดำ คลาสสิก ช่วยย้ำความรู้สึกให้คุณได้ดีไม่แพ้คำพูด ที่สำคัญอย่าลืมเว้นที่ว่างอีกข้างบนปลอกหมอนเผื่อเธอด้วยก็แล้วกัน
9. บอกเวลาภาษารัก :
ยิ่งคุณรู้ว่าเวลาเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับเธอ คงไม่ต้องเดาให้ยากว่า นาฬิกาที่เลือกมากำนับจะโดนใจเธอแค่ไหน แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลสำคัญ ที่คุณลงทุนซื้อนาฬิกาฝังเพชร ให้เธอหรอก เวลาที่คุณทุ่มเทให้ตลอดทั้ง 24 ชั่วโมงต่างหาก ที่ส่อให้เธอรู้ซึ้งถึงเปลือกในของผู้ชายอย่างคุณ
10. อ่านใจผ่านอักษร :
ถ้าโลกของเธอเป็นโลกแห่งการเรียนรู้และแสวงหา คุณแน่ใจได้เลยว่า เธอสามารถตีความหมายของการให้หนังสือเกี่ยวกับความรักได้อย่างแตกฉานและรับ ความรู้สึกคุณไป เต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นความรักในแง่ปรัชญา คำคมหรือคำนิยาม จำไว้ว่านักอ่านอย่างเธอพร้อมเปิดโลกใหม่เสมอ และโลกใบนั้นนั้นก็คือ คุณนั่นเอง
ขึ้นชื่อว่าผู้หญิง ยังไงเธอก็เต็มใจเทคะแนนให้ชายคนรักที่ไม่ยอมต้องเปิดปากเอ่ยคำ รัก วันยังค่ำ หากสิ่งที่คุณหยิบยื่นให้เธอแทนคำพูดนั่น คือ ดอกไม้ วิธีนี้เบสิกก็จริงแต่คงความอมตะนิรันดร์กาล นักรักไม่ว่าชาติไหนๆ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มันได้ผล
2. จี้เพชรแทงใจ :
จะซาบซึ้งแค่ไหนถ้าเธอล่วงรู้ความในใจว่า ทุกเหลี่ยมทุกมุมของเพชรเจียระไนรูปหัวใจ ท ี่คุณมอบให้นั้นแพรวแสงสะท้อนความรู้สึกภายในที่ ประเมินค่ามิได้ออกมาให้เธอรับรู้
3. แว่วหวานเพลงรัก :
พรรณนาความรักผ่านเสียงดนตรีคลาสสิกจากกล่องดนตรีไม้ พร้อมสัมผัสจังหวะแห่งรักจากลีลาการ เต้นรำของความรักเซรามิกกลางฟลอร์ ความหมายนี้เธอไม่ซึ้ง ก็ให้มันรู้ไป
4. ชิมรสชิมรัก :
เลือกทำอาหารจานเด็ดที่คุณแอบซุ่มร่ำเรียนมาจากภัตตาคาร 5 ดาวสักจาน แล้วตั้งชื่อเก๋ๆ ว่า LADY IN MY SWEET DREAM พร้อมเผยสูตร เขียนส่วนผสมพิเศษในเมนูตั้งโต๊ะว่า อาหารจานนี้ปรุงจากความเข้าใจ 3 ส่วน ความอาทร 1 ส่วน ความห่วงใย 2 ส่วน และความไว้ใจอีก 1 ส่วน และอย่าน้อยใจจนทานไม่ลง
5. ย้อนอดีตภาพหวาน :
ทบทวนความจำครั้งเก่าทีละก้าว นับแต่ความรักเริ่มก่อตัวแล้วค่อยๆ เบ่งบานกระทั่งสุกงอม ด้วยการประมวลภาพจัดทำเป็นอัลบั้มคู่รักแห่งปี ให้เธอมองความรักที่คุณมอบให้ ผ่านเรื่องราวเก่าๆ เหล่านั้น
6. สะท้อนเงาความรู้สึก :
ถ้าคุณและเธอมีความเชื่อเดียวกันว่า ความรักเปรียบได้กับกระจกเงา ต่างคนต่างมองเห็นซึ่งกันและกัน คุณสะท้อนภาพของเธอเช่นเดียวกับที่เธอสะท้อนภาพของคุณนั่นแหละ กระจกเงากรอบเหล็ก ดีไซน์รูปหัวใจเก๋ๆ จะสะท้อนภาพของคุณเสมอยามเธอจ้องมอง รับรองว่า เธอมองเห็นความรักของคุณแน่ หากเธอยังรักคุณอยู่!
7. ขับขานเพลงรัก :
เธอคงปลื้มไม่รู้ลืมถ้าได้ฟังเพลงโปรดจากปากของคุณ ขอยืมเพลงหวานๆ จากศิลปินคนไหนก็ได้ที่คิดว่าถูกใจเธอ อย่างเพลง ลมหายใจ ร้องคลอเสียงกีต้าร์อะคูสติก (ฝีมือคุณเอง) เลือกเอาเวอร์ชันช้าๆ เพื่อให้เธอจะได้ซึ้งกับบทเพลง และถือโอกาสนี้โชว์ฝีมือโซโลกีตาร์ไปด้วย เชื่อเถอะว่างานนี้บอยไม่กล้าตามมาทางลิขสิทธิ์แน่นอน
8. หนุนรักหลับฝัน :
ฝันของเธอคืนนั้นจะสวยสดงดงามปานใดเมื่อมีคุณอยู่เคียงทั้งในยามหลับและยาม ตื่น ปลอกหมอนสกรีนหน้าคุณ สีขาว-ดำ คลาสสิก ช่วยย้ำความรู้สึกให้คุณได้ดีไม่แพ้คำพูด ที่สำคัญอย่าลืมเว้นที่ว่างอีกข้างบนปลอกหมอนเผื่อเธอด้วยก็แล้วกัน
9. บอกเวลาภาษารัก :
ยิ่งคุณรู้ว่าเวลาเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับเธอ คงไม่ต้องเดาให้ยากว่า นาฬิกาที่เลือกมากำนับจะโดนใจเธอแค่ไหน แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลสำคัญ ที่คุณลงทุนซื้อนาฬิกาฝังเพชร ให้เธอหรอก เวลาที่คุณทุ่มเทให้ตลอดทั้ง 24 ชั่วโมงต่างหาก ที่ส่อให้เธอรู้ซึ้งถึงเปลือกในของผู้ชายอย่างคุณ
10. อ่านใจผ่านอักษร :
ถ้าโลกของเธอเป็นโลกแห่งการเรียนรู้และแสวงหา คุณแน่ใจได้เลยว่า เธอสามารถตีความหมายของการให้หนังสือเกี่ยวกับความรักได้อย่างแตกฉานและรับ ความรู้สึกคุณไป เต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นความรักในแง่ปรัชญา คำคมหรือคำนิยาม จำไว้ว่านักอ่านอย่างเธอพร้อมเปิดโลกใหม่เสมอ และโลกใบนั้นนั้นก็คือ คุณนั่นเอง
วันอังคาร, มกราคม 25
หนูผิดไหม ที่ไม่รักแม่ ? ว.วชิรเมธี ♥
ปุจฉา
ถ้าหากแม่ไม่รักเรา และทิ้งเราไปมีครอบครัวใหม่ตั้งแต่เด็ก พอเราโตขึ้น และพบว่า เราได้ดีมีสุขแล้ว แม่จึงกลับมา ถามว่า หากเราไม่รู้สึกรักแม่เลย แต่ก็ต้องทำหน้าที่ดูแลท่านไปอย่างนั้นเอง จะเป็นการกระทำที่สมควรไหม
-------------------------------------
ถ้าหากแม่ไม่รักเรา และทิ้งเราไปมีครอบครัวใหม่ตั้งแต่เด็ก พอเราโตขึ้น และพบว่า เราได้ดีมีสุขแล้ว แม่จึงกลับมา ถามว่า หากเราไม่รู้สึกรักแม่เลย แต่ก็ต้องทำหน้าที่ดูแลท่านไปอย่างนั้นเอง จะเป็นการกระทำที่สมควรไหม
-------------------------------------
วิสัชนา
ใน พุทธศาสนานั้น ผู้รู้ท่านกล่าวว่า การเป็นแม่ ไม่ใช่พอให้กำเนิดแล้วก็เป็นกันได้เลยก็หาไม่ การเป็นแม่ต้องมี “พันธกิจ” ที่มากกว่านั้น กล่าวคือ ถ้าท่านเพียงแต่ให้กำเนิด ทว่าไม่รัก ไม่เลี้ยงดู ก็ถือว่า ยังไม่ได้เป็นแม่ตามความหมายที่แท้จริง เป็นได้เพียงแต่ “ผู้ให้กำเนิด” เท่านั้น ส่วนคนที่จะได้ชื่อว่าเป็นแม่นั้น ต้องทำ “หน้าที่” ของแม่ให้ได้เสียก่อน ต่อเมื่อทำหน้าที่ของแม่ได้ครบสมบูรณ์แล้ว เมื่อนั้นแหละ ความเป็นแม่ที่แท้จึงจะเกิดขึ้น
ใน พุทธศาสนานั้น ผู้รู้ท่านกล่าวว่า การเป็นแม่ ไม่ใช่พอให้กำเนิดแล้วก็เป็นกันได้เลยก็หาไม่ การเป็นแม่ต้องมี “พันธกิจ” ที่มากกว่านั้น กล่าวคือ ถ้าท่านเพียงแต่ให้กำเนิด ทว่าไม่รัก ไม่เลี้ยงดู ก็ถือว่า ยังไม่ได้เป็นแม่ตามความหมายที่แท้จริง เป็นได้เพียงแต่ “ผู้ให้กำเนิด” เท่านั้น ส่วนคนที่จะได้ชื่อว่าเป็นแม่นั้น ต้องทำ “หน้าที่” ของแม่ให้ได้เสียก่อน ต่อเมื่อทำหน้าที่ของแม่ได้ครบสมบูรณ์แล้ว เมื่อนั้นแหละ ความเป็นแม่ที่แท้จึงจะเกิดขึ้น
หน้าที่ที่จะทำให้ผู้ให้กำเนิด เปลี่ยนสถานภาพกลายเป็นแม่นั้น ประกอบด้วย
(๑) สอนลูกให้อยู่ห่างจากความชั่ว
(๒) สอนลูกให้เป็นคนดี
(๓) ส่งเสริมให้ลูกได้รับการศึกษา
(๔) ดูแลเลือกสรรผู้ที่จะมาเป็นคู่ครอง
(๕) เมื่อถึงเวลาอันสมควร ก็มอบมรดกให้
(๑) สอนลูกให้อยู่ห่างจากความชั่ว
(๒) สอนลูกให้เป็นคนดี
(๓) ส่งเสริมให้ลูกได้รับการศึกษา
(๔) ดูแลเลือกสรรผู้ที่จะมาเป็นคู่ครอง
(๕) เมื่อถึงเวลาอันสมควร ก็มอบมรดกให้
เมื่อลูกได้รับการดูแล เลี้ยงดู เป็นอย่างดี จากแม่อย่างนี้แล้ว
ลูกเองก็ต้องตอบแทนพระคุณแม่ด้วยการทำหน้าที่ของลูกด้วยเช่นกัน
(๑) ท่านเลี้ยงมาแล้ว ต้องเลี้ยงท่านตอบ
(๒) ต้องช่วยทำกิจการงานของท่าน
(๓) ธำรงรักษาชื่อเสียงของตระกูลวงศ์
(๔) ประพฤติตนให้สมควรแก่การรับมรดก
(๕) เมื่อท่านล่วงไปแล้ว ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้
ลูกเองก็ต้องตอบแทนพระคุณแม่ด้วยการทำหน้าที่ของลูกด้วยเช่นกัน
(๑) ท่านเลี้ยงมาแล้ว ต้องเลี้ยงท่านตอบ
(๒) ต้องช่วยทำกิจการงานของท่าน
(๓) ธำรงรักษาชื่อเสียงของตระกูลวงศ์
(๔) ประพฤติตนให้สมควรแก่การรับมรดก
(๕) เมื่อท่านล่วงไปแล้ว ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้
จะเห็นว่า การเป็นแม่คนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ การเป็นลูกที่ดีของแม่ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะการเป็นทั้งแม่และลูก เป็นเรื่องที่ต้องใช้หลักธรรมกันพอสมควรเช่นนี้เอง ทุกวันนี้ เราจึงได้เห็นแม่และลูกที่ขาดคุณสมบัติกันมากมายเดินอยู่ในสังคมทั่วไปหมด
ใน กรณีของคุณนั้น ถ้าแม่ทิ้งคุณไปตั้งแต่เด็ก เป็นเหตุให้คุณไม่ได้โตมากับท่าน และท่านก็ไม่ได้เลี้ยงดูคุณ คุณจึงไม่รัก ไม่รู้สึกว่าท่านเป็นผู้มีพระคุณ ขอให้คุณถือเสียว่า ความบกพร่องที่เกิดขึ้นนั้น เป็นความบกพร่องของผู้เป็นแม่ฝ่ายเดียว และถึงอย่างไร มันก็ได้จบลงไปแล้ว แม่บกพร่อง นับเป็นรอยแผลเป็นในชีวิตของแม่ ปล่อยให้รอยแผลเป็นนั้น เกิดกับแม่คนเดียวก็พอแล้ว เราไม่ควรจะไปสร้างรอยแผลใหม่ให้เกิดขึ้นในชีวิตของเราซ้ำรอยแม่ ด้วยการ “เอาคืน” จากแม่ ด้วยการทิ้งหรือไม่ให้ความสำคัญกับท่านเช่นที่ท่านทำกับเรา
เราไม่ควรจะล้างโคลนด้วยน้ำครำ ไม่ควรจะล้างไฟด้วยไฟที่ร้อนแรงกว่า
มนุษย์ ทั่วไปนั้น มักติดอยู่ในวังวนของความคับแค้น เมื่อตนถูกคนอื่นกระทำ ก็ผูกใจเจ็บอยู่ว่า วันหนึ่งตนจะเป็นฝ่ายได้กระทำคืนบ้าง และก็เฝ้ารอโอกาสเช่นนั้น เมื่อสบโอกาสเข้า จึงพยายามจะแก้แค้น และด้วยวิธีคิดเช่นนี้ จึงไม่สามารถยกตนให้ลอยพ้นจากความคับแค้นและวัฏจักรของกฎแห่งกรรมไปได้ ส่วนผู้มีการศึกษาธรรมะมาเป็นอย่างดีแล้วนั้น จะปฏิบัติตรงกันข้ามทีเดียว เขาจะมองเห็นว่า เมื่อใครก็ตาม ทำร้ายเรา นั่นก็เพราะเขายังไม่รู้ และหากเรารู้แล้ว เราก็ควรลอยตัวให้อยู่เหนือความคับแค้น มองดูผู้ที่ทำร้ายเรานั้นเป็นดั่งสัตวโลก ผู้ยังจมอยู่ในทะเลแห่งความเขลา คอยแต่จะหาวิธีเปิดดวงตาให้เขาได้เห็นแสงแห่งธรรม และเปลี่ยนความคับแค้นนั้นเป็นความเมตตา มีแต่การยกตนให้สูงเหนือความอาฆาตพยาบาทนี้เท่านั้น วัฏจักรแห่งความแค้นและกฎแห่งกรรมจึงจะสิ้นสุดลง
แม่ ของเรานั้น แม้ไม่ได้เลี้ยงเรามา แต่อย่างน้อยที่สุด ก็ให้ชีวิตเรามา จริงอยู่คุณอาจไม่รักท่านในฐานะที่ท่านเป็นแม่ แต่คุณก็ควรรักท่าน หรือดีต่อท่านในฐานะที่ท่านเป็นผู้ให้ชีวิตดีกว่า
บรรดาสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุดในชีวิตของเรานั้น ไม่มีอะไรจะยิ่งไปกว่า “ชีวิต” คือ ร่างกายและลมหายใจนี้เป็นไม่มีอีกแล้ว ผู้หญิงคนหนึ่งเขาให้สิ่งนี้แก่คุณมา ทำให้คุณได้อัตภาพมาเกิดเป็นมนุษย์ซึ่งนับเป็นสัตว์โลกผู้มีวิวัฒนาการสูง ที่สุดแล้ว
ชีวิตก็ดี ความเป็นมนุษย์ก็ดี ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ เลย แต่คุณก็ได้สองสิ่งนี้มาแล้ว
ผู้หญิงซึ่งคุณสมมุติเรียกว่าแม่ (ที่คุณไม่รัก) นั่นเอง เขาให้สิ่งนี้แก่คุณมา
ในฐานะของแม่เขาอาจบกพร่อง แต่ในฐานะของผู้ให้ชีวิต
และความเป็นมนุษย์ เขาอาจทำได้สมบูรณ์ทีเดียว
เหตุผล เพียงแค่นี้ ก็เพียงพอแล้ว ที่คุณจะหันกลับไปมองแม่ของคุณด้วยวิธีคิดใหม่ และด้วยการปฏิสัมพันธ์ที่เปี่ยมด้วยความกตัญญูรู้คุณ และโปรดอย่าลืมว่า ในวันหนึ่งข้างหน้าคุณก็อาจจะต้องเป็นแม่คนด้วยเหมือนกัน หากคุณไม่ฝึกเป็นลูกผู้มีใจสูงเสียแต่ในตอนนี้ ครั้นถึงเวลาที่คุณเป็นแม่ขึ้นมาบ้าง ถึงวันนั้น คุณอาจจะรู้ว่า การเป็นแม่ ไม่ง่ายเลย, ไม่ง่ายเลยจริงๆ
มนุษย์ ทั่วไปนั้น มักติดอยู่ในวังวนของความคับแค้น เมื่อตนถูกคนอื่นกระทำ ก็ผูกใจเจ็บอยู่ว่า วันหนึ่งตนจะเป็นฝ่ายได้กระทำคืนบ้าง และก็เฝ้ารอโอกาสเช่นนั้น เมื่อสบโอกาสเข้า จึงพยายามจะแก้แค้น และด้วยวิธีคิดเช่นนี้ จึงไม่สามารถยกตนให้ลอยพ้นจากความคับแค้นและวัฏจักรของกฎแห่งกรรมไปได้ ส่วนผู้มีการศึกษาธรรมะมาเป็นอย่างดีแล้วนั้น จะปฏิบัติตรงกันข้ามทีเดียว เขาจะมองเห็นว่า เมื่อใครก็ตาม ทำร้ายเรา นั่นก็เพราะเขายังไม่รู้ และหากเรารู้แล้ว เราก็ควรลอยตัวให้อยู่เหนือความคับแค้น มองดูผู้ที่ทำร้ายเรานั้นเป็นดั่งสัตวโลก ผู้ยังจมอยู่ในทะเลแห่งความเขลา คอยแต่จะหาวิธีเปิดดวงตาให้เขาได้เห็นแสงแห่งธรรม และเปลี่ยนความคับแค้นนั้นเป็นความเมตตา มีแต่การยกตนให้สูงเหนือความอาฆาตพยาบาทนี้เท่านั้น วัฏจักรแห่งความแค้นและกฎแห่งกรรมจึงจะสิ้นสุดลง
แม่ ของเรานั้น แม้ไม่ได้เลี้ยงเรามา แต่อย่างน้อยที่สุด ก็ให้ชีวิตเรามา จริงอยู่คุณอาจไม่รักท่านในฐานะที่ท่านเป็นแม่ แต่คุณก็ควรรักท่าน หรือดีต่อท่านในฐานะที่ท่านเป็นผู้ให้ชีวิตดีกว่า
บรรดาสิ่งที่มีคุณค่าสูงสุดในชีวิตของเรานั้น ไม่มีอะไรจะยิ่งไปกว่า “ชีวิต” คือ ร่างกายและลมหายใจนี้เป็นไม่มีอีกแล้ว ผู้หญิงคนหนึ่งเขาให้สิ่งนี้แก่คุณมา ทำให้คุณได้อัตภาพมาเกิดเป็นมนุษย์ซึ่งนับเป็นสัตว์โลกผู้มีวิวัฒนาการสูง ที่สุดแล้ว
ชีวิตก็ดี ความเป็นมนุษย์ก็ดี ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ เลย แต่คุณก็ได้สองสิ่งนี้มาแล้ว
ผู้หญิงซึ่งคุณสมมุติเรียกว่าแม่ (ที่คุณไม่รัก) นั่นเอง เขาให้สิ่งนี้แก่คุณมา
ในฐานะของแม่เขาอาจบกพร่อง แต่ในฐานะของผู้ให้ชีวิต
และความเป็นมนุษย์ เขาอาจทำได้สมบูรณ์ทีเดียว
เหตุผล เพียงแค่นี้ ก็เพียงพอแล้ว ที่คุณจะหันกลับไปมองแม่ของคุณด้วยวิธีคิดใหม่ และด้วยการปฏิสัมพันธ์ที่เปี่ยมด้วยความกตัญญูรู้คุณ และโปรดอย่าลืมว่า ในวันหนึ่งข้างหน้าคุณก็อาจจะต้องเป็นแม่คนด้วยเหมือนกัน หากคุณไม่ฝึกเป็นลูกผู้มีใจสูงเสียแต่ในตอนนี้ ครั้นถึงเวลาที่คุณเป็นแม่ขึ้นมาบ้าง ถึงวันนั้น คุณอาจจะรู้ว่า การเป็นแม่ ไม่ง่ายเลย, ไม่ง่ายเลยจริงๆ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)